สารบัญเว็บไซต์

สารบัญเว็บไซต์ !

ความคิดของคนรวยตอนที่1

      ความคิดของคนรวยตอนที่1นี้เป็นตอนที่ต่อจากความคิดของคนรวยตอนแรกนะครับ 5ความคิดแรกที่ได้อ่านไปแล้วนั้น อาจจะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเปลี่ยนวิธีคิดหรือสร้างวิธีคิดใหม่ๆขึ้นมาได้ ในบทนี้จะเล่าต่อถึงความคิดของคนรวยอีก 4 ตอน เพื่อให้ผู้อ่านมีแนวคิดเพิ่มขึ้นในการดำเนินชีวิตครับ

 แนวคิดจากประวัติของสตีฟ จอบส์ อัฉริยะเปลี่ยนโลก


       คนทั่วไปจะจัดการกับปัญหาเรื่องเงินด้วยอารมณ์ แต่คนรวยจะจัดการปัญหาเรื่องเงินด้วยสมอง
       ปัญหาเรื่องเงินน่าจะเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของคนจน สิ่งที่คนจนมักจะต้องเผชิญอย่างหลีกหนีไม่พ้นคือ บิลค่าใช้จ่ายสารพัดที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นปัญหาดังกล่าวจะยิ่งรุนแรงทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อมีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผิดนัดค่าเช่าบ้านหรือค่าผ่อนบ้าน ผิดนัดค่าผ่อนรถ ผิดนัดค่าผ่อนบัตรแล้วก็ให้เกิดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้เกิดปัญหารุมเร้ากระหน่ำซ้ำเติมเข้าไปที่ใจคนยากจน แทบจะทุกลมหายใจ
       สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ คนจนมักจะไม่คิดจัดการกับปัญหาโดยตรง คนจนมักจะเลือกที่จะจัดการกับปัญหาด้วยอารมณ์ เช่น การบ่น การด่า การต่อว่า และการแสดงการโต้ตอบต่างในทางลบกับปัญหาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหานั้นๆ  ในนขณะที่คนรวยใช้สมองในการจัดการกับปัญหาเรื่องเงิน เช่น การลดค่าใช้จ่ายหรือการลดหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การจัดการเคลียหนี้ทีละก้อน การรวบรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว การเจรจาต่อรองหนี้กับเจ้าหนี้ วางแผนการผ่อนชำระ และอีกหลากหลายวิธีที่จะจัดการกับเรื่องเงิน ขอเพียงแต่เริ่มต้นด้วยสมอง ปัญหาเรื่องเงินและทุกเรื่องก็จะสามารถจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
  
        คนทั่วไปมักจะหาเงินจากการทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ส่วนคนรวยจะพยายามทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ    
        ปีเตอร์ ลิน หนึ่งในนักลงทุนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ท่านรู้มั้ยครับว่า ก่อนที่ปีเตอร์ ลิน จะเข้าวงการการเงินและตลาดทุนนั้น เขาทำอาชีพอะไรมาก่อน ปีเตอร์ ลินทำอาชีพเป็นแคดดี้ในสนามกอล์ฟมาก่อนในมลรัฐแมสซาซูเสตต์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และแล้วปีเตอร์ ลิน ก็โชคดีได้เป็นแคดดี้ให้กับประธานบริษัทฟิเดลลิตี้ บริษัทลงทุนขนาดใหญแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เขาจึงร้องขอให้ประธานฯ รับเขาเข้าทำงานในฟิเดลลิตี้ 
       ปีเตอร์ ลินเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานฝึกงานที่ฟิเดลลิตี้ แต่ด้วยที่อาชีพการลงทุนเป็นอาชีพที่เขาชอบ เขาจึงทุ่มเททั้งชีวิตให้กับงานนี้ ปีเตอร์ ลินช์ ได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาโดยตลอด เป็นนักวิเคราะห์ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ และเป็นผู้จัดการกองทุนฟิเดลลิตี้เม็กเจลลันในปี 2544  ต่อมาปีเตอร์ ลินช์ ได้สร้างผลงานอันโดดเด่นที่ยากจะหาใครมาเสมอเหมือน กองทุนฟิเดลลิตี้เม็กเจลลันได้สร้างผลตอบแทนสูงถึง 29.2% ตลอดระยะเวลายาวนานถึง 13 ปีคือ ปี 2520-2533 มูลค่ากองทุนก่อนที่ปีเตอร์ ลินช์ จะเข้ามาบริหารอยู่ที่ 18,000 ล้านดอลลาร์ ก็ได้กลายเป็น 14 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นเป็น 778 เท่า ของเงินทองทุนเมื่อเริ่มต้น และนั่นคือ ผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดของกองทุนที่อายุไม่เกิน 20 ปี ที่ยังไม่มีใครสามารถลบสถิติได้จนถึงปัจจุบัน และนี่คือผลสำเร็จจากการที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักนั่นเอง

       ความคิดของคนรวยต่อมาคือ คนทั่วไปจะพยายามตั้งเป้าหมายในชีวิตที่ค่อนข้างต่ำเพื่อจะได้ไม่ผิดหวัง ก็คือไม่ต้องไปหวังอะไรมันมาก ได้แค่นี้ก็พอแล้ว ประมาณนั้น แต่คนรวยจะตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้สูงๆ เพื่อท้าทายตนเอง
       ผมมีตัวอย่างของคนนึงที่เขาตั้งเป้ายหมายในชีวิตไว้สูงเลยทีเดียวเพื่อท้าทายตนเอง โดยการตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ว่า "เราจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินล้านภายในอายุ 20 ปี"  เขามีชื่อว่าคุณทิวา ชินธาดาพงศ์ หรือคุณมี่ คุณมี่เป็นที่ชอบคิดว่าอยากจะรวยเร็วๆ ดังนั้นหลังจากที่เรียนจบชั้น ม.3 คุณมี่ตัดสินใจไม่เรียนต่อม.4 แต่ไปยึดอาชีพขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง เขาตั้งเป้าที่จะหสเงินให้ได้อย่างต่ำวันละ 1,000 บาท แต่ทว่า บางวันลูกค้าน้อยมาก เขาต้องขี่มอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ 6 โมงยันเที่ยงคืน เพียงเพื่อให้ทุกวันต้องได้เงิน 1,000 บาท  แม้ว่าจะยังไม่ประสบความสำเร็จกับการขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง และเขายังต้องทำงานอีกหลายอย่างกว่าจะประสบความสำเร็จ เช่นเป็นมัคคุเทศน์ พนักงานขายประกัน ขายโทรศัพท์มือถือ และอีกสารพัด แต่ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในชีวิตจนได้ ทุกวันนี้อาชีพที่แท้จริงของคุณมี่ นักลงทุนเต็มตัว และมีเงินในบัญชีเป็นหลักร้อยล้านบาทแล้ว
       ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุณมี่ประสบความสำเร็จได้มากถึงขนาดนี้คือ การตั้งเป้าหมายให้สูงๆนั่นเองครับ
                           "ท่านผู้อ่านละครับ มีเป้าหมายในชีวิตที่สูงหรือยังครับ"
       
      เมื่ออ่านความคิดของคนรวยมาถึงตอนนี้แล้ว ท่านผู้อ่านสังเกตบ้างไหมครับว่า คนรวยมักจะมีวิธีคิดที่เป็นลักษณะของตัวเอง ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ท่านผู้อ่านละครับ เริ่มเปลี่ยนวิธีคิดในการดำเนินชีวิตบ้างแล้วหรือยังครับ


------------------------------------------------------------------------------------------------------




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น