สารบัญเว็บไซต์

สารบัญเว็บไซต์ !

ใช้ชีวิตอย่างไรถึงจะรวย

       เราจะใช้ชีวิตอย่างไรถึงจะรวยเหมือนพวกเศรษฐีนั้น ทุกท่านรู้มั้ยว่าจากการวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกานั้นพบว่า เศรษฐีหรือมหาเศรษฐีส่วนใหญ่นั้น ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหรูหราอย่างที่เราเห็นกันในทีวี ซึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมให้ฐานะของพวกเขามีความมั่งคั่ง เกิดจากพฤติกรรมที่สำคัญอยู่ 7 ประการ

       การใช้ชีวิตอย่างไรถึงจะรวยและนำพาตัวเองไปสู่เศรษฐีหรือมหาเศรษฐีได้นั้น ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาเหล่านั้นมีพฤติกรรมกันแบบนี้ครับ
 1.มีความมัธยัสถ์ รู้จักเก็บหอมรอมริบ ใช้จ่ายน้อยกว่าเงินที่หาได้
 2. มีการจัดสรรเวลา และเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ในการสะสมความมั่งคั่ง
 3. พวกเขามีความเชื่อว่า อิสระภาพทางการเงินสำคัญกว่าการแสดงออกให้เห็นจากฐานะของตัวเอง
 4. ส่วนใหญ่ไม่ได้โชคดีมาแต่เกิดคือ ไม่ได้เกิดเป็นลูกคนรวย พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้อุ้มมชูด้วยเงินทอง ซึ่งข้อนี้มีข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนว่า โดยเฉลี่ยแล้วความมั่งคั่งร่ำรวยที่ส่งต่อจากพ่อแม่มาถึงรุ่นลูก โดยที่พ่อแม่ไม่สอนให้รู้จักหาเงินหรือใช้เงินอย่างถูกต้อง ทรัพย์สินหรือความร่ำรวยเหล่านั้น มักจะส่งต่อได้ไม่เกิน 3 รุ่นครับ
 5. ลูกหลานที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วของคนรวยนั้น สามารถพึ่งพาตนเองได้ เพราะเขาได้เรียนรู้แนวคิดและยุทธวิธีในการหาเงินและการออมเงินไว้ใช้อย่างชาลฉลาด
 6. มีประสบการณ์และทักษะในการแสวงหาโอกาส
 7. มักเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว ประกอบวิชาชีพที่สุจริต มีอาชีพมากกว่า 1 อาชีพ หรือมีกิจการมากกว่า 1 อย่าง
       ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่เมื่อเข้าสู่วัยทำงานจะมีแง่มุมความคิดในระดับที่เรียกว่า ขอแค่เพียงให้อยู่รอดได้ก็เพียงพอแล้ว   หมายถึง การมีรายได้จากการทำงาน บวกกับรายได้จากเงินออมและทรัพย์สินที่ค่ามากกว่าหรือเท่ากับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน แต่ภ้าหากวันใดวันหนึ่งเกิกเหตุต้องล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา หรือว่าการงานที่เคยทำอยู่เกิกสะดุดขึ้นมา ก็จะเกิดปัญหาชีวิตขึ้นได้.. ดังนั้น! เราจึงควรวางเป้าหมายให้สูงขึ้นไปอีกหน่อยนั่นก็คือ อยู่ได้อย่างมั่งคั่งและมั่นคงเพื่อให้มีอิสระภาพทางการเงินให้ได้  นั่นคือ เราต้องมีรายได้จากงานมากกว่า 1 อย่างครับ 

       แต่นี่ก็ยังไม่ใช่คำตอบทั้งหมดของคำถามที่ว่า ใช้ชีวิตอย่างไรถึงจะรวย นะครับ และการที่เราหารายมาแล้วก็ต้องรู้จักการจัดการรายได้ในการใช้จ่ายอย่างถูกวิธีด้วยนะครับ จึงจะทำให้เกิดความมั่งคั่งขึ้นมาได้ ไม่อย่างนั้นแล้ว ต่อให้มีอาชีพเสริมเป็นร้อยอาชีพ แต่ไม่สามารถใช้เงินได้อย่างถูกวิธี ก็ย่อมไม่มีวันประสบความสำเร็จในชีวิตแน่นอนครับ




------------------------------------------------------------------------------------------






ข้อคิดดีดี

       สวัสดีครับ สำหรับบทความนี้ผมมีเรื่องราวที่จะสอนให้ทุกคนแค่ลองเปลี่ยนความคิดให้มันดีขึ้นมาอีกซักหน่อย  แค่เพียงเราคิดดีได้ ชีวิตเราก็จะมีค่าและมีความหมายมากขึ้น ข้อคิดดีดี ชีวิตคิดบวก ขอยกตัวอย่างเรื่องราวซักหนึ่งเรื่อง ให้ทุกคนได้อ่านกันครับ ถ้าใครเคยอ่านแล้วอย่าว่ากันนะครับ

       ข้อคิดดีดีในเรื่องนี้ขอยกตัวอย่างเรื่องราวของครอบครัวนึงครับ ที่มีพ่อ แม่ ลูก 
       " แม่ของผมเป็นคนทำอาหารที่บ้านประจำ ทุกวัน หลังจากที่ต้องทำงานหนักมาตลอดทั้งวันแล้ว มีอยู่คืนหนึ่งแม่กลับบ้านมาด้วยความเหนื่อยล้าและทำอาหารเย็นให้เราตามปกติ ที่โต้ะอาหาร แม่วางจานปลาทูที่ทอดจนไหม้เกรียมตอ่หน้าพ่อ และลูกทุกๆคน  ผมรอว่าแต่บะคนจะทำอย่างไรที่เห็นปลาทูไหม้เกรียมแบบนั้น  แต่.. พ่อไม่พูดอะไรเลย ปละหันมาตั้งหน้าตั้งตากินข้าวกับปลาทูไหม้เกรียมตัวนั้น และหันมาถามผมว่า ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง.  
       คืนนั้นหลังอาหารเย็นผมจำได้ว่าผมเห็นแม่ขอโทษพ่อที่ทอดปลาทูจนไหม้  
       และผม ไม่เคยลืมคำที่พ่อพูดกับแม่เลยว่า " โอยย ผมชอบปลาทูทอดเกรียมเกรียมๆ มันอน่อยมากเลยนะแม่.."
       คืนต่อมาผมเก็บคำถามในใจ ก่อนอนผมถามพ่อว่า  " พ่อชอบปลาทูทอดเกรียมๆจริงๆหรอ"
       พ่อลูบหัวผมแลัวตอบว่า " แม่ของลูกทำงานหนักมาทั้งวัน แค่ปลาทูๆหม้หนึ่งตัว ไม่ได้ทำร้ายใครหรอกลูก แต่คำพูดที่ต่อว่ากันตั่งหากที่จะทำร้ายกัน" พ่อพูดต่ออีกว่า ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยความไม่สมบูรณ์แบบ และแต่ละคนก็ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์แบบ แม้แต่ตัวพ่อเองก็ยังเคยลืมทำบุญวันเกิดของพ่อแม่ ของพ่อเองเลยตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
       แต่สิ่งที่พ่อเรียนรู้ในชีวิตก็คือ เรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดของคนอื่นและของตัวเอง
       การเลือกที่จะยินดีกับความคิดที่ต่างกันของแต่ละบุคคลเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาชีวิตครอบครัวที่มีความสุขและยืนยาว
       "ชีวิตเราสั้นเกินกว่าที่จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเสียใจที่ว่า เราทำผิดกับคนที่เรารักและรักเรา ให้ดูแลและทนุถนอมคนที่รักเรา และพยายามเข้าใจและให้อภัยกันจะดีกว่า"

** ถ้าเรารู้ เราจะทำไหม?
** เราจะบีบแตรใส่คนที่ยืนยึกยักอยู่ริมถนนแยกที่ผ่านมั้ย ถ้าเรารู้ว่าเค้าใส่ขาเทียม ?
** ดราจะเดินเบียดชนคนข้างที่เดินช้าไหม ถ้าเรารู้ว่าเค้าตกงาน ?
** เราจะขำคนที่เค้าแต่งตัวเชยๆมั้ย  ถ้าเรารู้ว่าเค้ามีชุดเก่งแค่ชุดเดียว ?
** เราจะรำคาญสาวโรงงานที่มาเดินพาราก๊อนมั้ย ถ้าเรารู้ว่านั่นคือการฉลองวันเกิดของเธอ ?
** เราจะหมั่นไส้ลุงที่หัวเราะเสียงดังคนนั้นมั้ย ถ้าเรารู้ว่าเค้าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ?
** เรารู้แจ่มชัดเสมอว่าชีวิตเรากำลังเจอกับอะไร แต่เราไม่มีวันรู้เลยว่า คนที่เราเจออยู่นั้น เค้ากำลังเจอกับอะไร "

       ขอแค่เราใจเย็น มีเหตุมีผลซึ่งกันและกัน ค่อยพูดค่อยจากัน ใช้เหตุผลคุยกัน ยอมรับฟังคนอื่น รู้จักแยกแยะว่าอะไรดี อะไรไม่ดี เพียงแค่นี้ทุกคนก็จะมีข้อคิดดีดี อยู่ในตัวของทุกคน 


--------------------------------------------------------------------------------



ข้อมูลมาจากคนโพสในเฟสบุ้ค แต่จำชื่อไม่ได้ว่าใคร

เรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จ

       คุณนิ หรือ พิชญา จำปา คือผู้ที่เป็นเจัาของแบนด์เครื่องสำอาง "ละมุน" เธอเริ่มต้นทำธุรกิจดเวยวัยเพียง 15 ปี ด้วยเงินลงทุน 0 บาทครับ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 4 ปี เธอมีรายได้เข้ากระเป๋าสูงถึง 50 ล้านบาท และในวันนี้เธอมีตำแหน่งเป็นถึง ประธารกรรมการผู้จัดการ บริษัท ละมุน จำกัด  เราลองมาเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จคนนี้กันดูแบบคร่าวซักหน่อยครับ ว่าเธอเริ่มต้นทำอย่างไร ถึงประสบความสำเร็จในเวลา 4 ปี
       เราลองมาเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จจากคุณนิ กันดูคร่าวๆดูนะครับ ว่าเธอทำอย่างไร ถึงประสบความสำเร็จ
       คุณนิ เกิดในครอบครัวฐานะปานกลาง เมื่อตอนเธอ 15 ย่อมดป็นธรรมดาที่ในวัยรุ่นย่อมอยากได้นั่นอยากได้นี่ เธอไม่อยากขอเงินพ่อแม่เพียงอย่างเดียว เริ่มแรกเธอมองหางานจากสื่ออินเตอร์เน็ต นั่นก็คือ "เฟสบุ้ค" จากนั้นดธอคิดว่าช่องทางนี้แหละที่จะเริีมต้นขายของออนไลน์ได้ และเมื่อยังไม่มีเงินลงทุนเธอก็ใช้วิธีนี้คือ ให้ลูกค้าจ่ายเงินมาก่อน แล้วสั่งของทีหลัง นี่แหละครับที่เรียกว่าเริ่มต้นด้วยเงินเพียง 0 บาท
       สินค้าที่เธอขายนั้นมีคุณภาพดี ลูกค้าที่ใช้ดีแล้วก็บอกต่อๆกันไป สินค้าเธอขายดีขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้ผู้ผลิตต้นทางก็เลยต้องขอปรับราคาให้สูงขึ้น ในขณะเดียวกันคู่แข่งในตลาดก็ทวีคูณมากขึ้น จึงทำให้เธอคิดที่จะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองขึ้นมา
       องค์ความรู้ที่มาจากประสบการณ์ลัวนๆ บวกกับการจ้างทีมวิจัยมาพัฒนาสินค้า โดยสินค้าของเธอต้องประกอบด้วยหลักการนี้คือต้องเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ปลอดภัย อ่อนโยน ส่วนผสมที่มีคุณภาพ หลังใช้เวลาพัฒนาสินค้าอยู่ประมาณ 1 ปี ก่อนก่อตั้งบริษัท ละมุน จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ทั้งหมด ไม่ได้กูแบงค์เลยครับ
       การเติบโตของยอดขาย เธอบอกว่า "ผลิตมาเท่าไหร่ก็ขายเกลี้ยง" ในขณะที่ตั้งเป้าเติบโตประมาณ 20% ต่อปี เธอทำงานนี้มาตั้งแต่อายุยังน้อย ผ่านประสบการณ์ทั้งดีและไม่ดีมาเยอะ ตรงส่วนที่ไม่ดีก็คือ มักจะโดนคนเอาเปรียบ เพราะเห็นว่ายังเด็ก บ้างก็ไม่มั่นใจในสินค้า และอีกอย่างเธอก็ทำเองคนเดียว ไม่มีคนช่วยคอยติดต่อประสานงาน แต่อายุน้อยก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียเสมอไ ข่อดีคือ เราสามารถเริ่มต้นได้เสมอ เรามีโอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เยอะมากกว่าใคร คุณนิ กล่าวว่า หากคิดจะเริ่มต้นทำธุรกิจ ต้องใจกล้า กล้าคิด ที่สำคัญไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ คุณนิกล่าวอีกว่า " คู่แข่งไม่ได้มองว่าเราเด็กหรือแก่กว่า แต่เขาจะมองแค่ว่า ถ้าเด็กกว่าก็คืออ่อนแอกว่า เพราะฉะนั้นถ้าอยากประสบความสำเร็จ อย่างแรกเลยต้องอดทน และซื่อสัตย์ ถึงจะผ่านอุปสรรคทุกอย่างไปได้"
       ปัจจุบันนี้คุณนิ อายุเพียง 20 ปี ศึกษาในคณะบริหารธุรกิจ ในมหาวิทยาลัยทรุงเทพ เธอได้มีโอกาสเป็นวิทยากรในการสร้างแรงบัลดาลใจให้กับเพื่อนที่มหาลัย เพื่อชี้ลู่ทางให้ประสบความสำเร็จได้ การเรียนรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ ต้องบอกได้ว่า แม้ว่าอายุจะน้อยแต่ความคิดแหลมคมอย่างนักธุรกิจ ที่สำคัญเธอเลือกขยายธุรกิจจากทุนของตัวเองโดยไม่กู้แบงค์ และแบ่งทุนกันไว้สำหรับการเจริญโตในอนาคต นี่คือคมคิดของนักธุรกิจพันธุ์ใหม่ที่หัวใจใหญ่กว่าอายุจริงๆ

--------------------------------------------------------------------

ขอบคุณข่าวจากเว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ Bangkokbiznews.com

ขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยา

       การขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยา เรียกสั้นๆว่า อย. การจะขอจดทะเบียนได้นั้น ผลิตภัณฑ์คุณภาพเหล่านั้นต้องมีคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัย มีการส่งพฤติกรรมบริโภคอย่างถูกต้องด้วยข้อมูลตามหลักวิชาการที่เชื่อถือได้และเหมาะสม เพื่อให้ผู้บริโภคได้ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ปลอดภัยและได้ประโยชน์

      มาดูหลักเกณฑ์การขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและกันครับ ว่าผลิตภัณฑ์หรือสินค้าของเราต้องเป็นอย่างไร
      สินค้าที่จะมาขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยานั้น จะต้องเคยมีประวัติการสั่งซื้อแล้ว เท่านั้น ถ้าหากว่ามีการเปลี่ยนแปลงโรงงานผลิต ก็ต้องให้โรงงานที่รับผลิตรายต่อไป เป็นผู้ไปขอจดทะเบียนใหม่อีกครั้ง
  สำหรับสิ่งของและเอกสารที่ต้องเตรียมไปมีดังนี้ครับ
 1. ลักษณะของภาชนะที่ใส่บรรจุ เช่น กระปุก หรือขวดปั้มสุญญากาศ หรือหลอด และรูปถ่ายสินค้า สามารถยื่นขอต่อครั้งได้ไม่เกิน 10 รายการ
 2. เอกสารที่ใช้คือ
   2.1 สำเนาบัตรประชาชนผู้มีอำนาจ 2 ชุด
   2.2 สำเนาทะเบียนบ้านผู้มีอำนาจ 2 ชุด
   2.3 สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (เฉพาะกรณีที่เป็นนิติบุคคลนะครับ ใช้ 2 ชุด)
   2.3 สำเนา ภพ.20 (เฉพาะนิติบุคคล )
   2.4 สำเนาทะเบียนบ้านของสถานที่ผลิตสินค้า ( ใช้เฉพาะที่อยู่ไม่ตรงกับที่อยู่ของผู้มีอำนาจนะครับ)
   2.5 แผนที่ตั้งของร้าน หรือ บริษัท
   2.6 แผนผังภายในร้า หรือ บริษัท ระบุสถานที่ผลิต สถานที่บรรจุ และสถานที่เก็บสินค้าให้ชัดเจน
   2.7 สินค้าตัวอย่าง พร้อม ฉลาก 2 ชุด
       สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการขอทดเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยา
 1. การยื่นขอครั้งแรก ผู้ประกอบการจะต้องไปยื่นที่ อย. เท่านั้นเพราะจะต้องเสียค่าธรรมเนียม ส่วนปีต่อๆไปทาง อย. จะส่งหนังสือมาแจ้งให้ไปชำระตามธนาคารที่กำหนด โดยจะเสียค่าธรรมเนียมรายปีละ 1,000 บาท
 2. หากได้ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการแล้ว คุณจะถูกสุ่มตรวจสถานที่จริง เพราะฉะนั้นแผนที่และแผนผังจะต้องถูกต้องและตรงตามที่ยื่นไว้
 3. ถ้าหากว่าคุณเป็นคนซื้อสินค้ามาเพื่อมาบรรจุเอง อันนี้คุณสามารถจดเป็นผู้แบ่งบรรจุที่ข้างฉลากของผู้ผลิตได้
 4. หลังจากที่ได้รับเลขที่ใบแจ้งเรียบร้อยแล้ว ต้องนำเลขที่ใบแจ้งระบุบนฉลาก พร้แมทั้งมีรายละเอียดฉลากครบถ้วนตามกฏเกณฑ์ของ อย.
 5. สำหรับคนที่นำสินค้ามาบรรจุเองก็ควรบรรจุให้เป็นไปตามหลัหอย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องความสะอาด วิธีการแบ่งบรรจุ เพราะถ้ามีการร้องเรียนจากผู้ซื้อขึ้นมาละก็ สินค้าดังกล่าวจุถูกเพิงถอนนออกจากทะเบียนจดแจ้งและผู้ประกอบการได้
 6. หากต้องการตรวจสอบเลขใบรับแจ้งที่ได้รับกับเวบไซต์ของ อย. ในส้วนของชื่อผู้ประกอบการ จะเป็นชื่อของลูกค้าที่ขอรหัสผู้ประกอบการไว้
 7. ท่านสามารถตรวจสอบเลขที่ใบรับแจ้งของตนเองได้ที่เวบไซต์ของ อย. ในหมวดของ "สืบค้นข้อมูลผลิตภัณฑ์"

       สำหรับใครที่กำลังจะไปขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการอาหารและยา ก็คงพอจะมีความรู้มากพอสมควรและนะครับ  หากอยากรู้รายละเอียดที่มากกว่ากว่านี้ ก็ไปที่เวบไซต์ของ อย. เลยก็ได้ครับ http://www.fda.moph.go.th/ 

------------------------------------------------------------------------------



ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา


ข้อคิดเพื่อความสำเร็จ

       สำหรับบทความนี้จะนำเสนอเกี่ยวกับข้อคิดเพื่อความสำเร็จ ที่เป็นแนวคิดของใครหลายๆคน ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ซึ่งผมได้นำมาให้ชมในรูปแบบวิดีโอหลายวิดีโอ 

       วิธีการดูวิดีโอข้อคิดเพื่อความสำเร็จคือ เมื่อคลิ้กเข้าไปที่บิ้งแล้ว ให้รอ 5 วินาที แล้วกดคำว่า "กดข้าม" (อยู่ตรงมุมบนขวามือ) จึงจะสามารถรับชมวิดีโอได้ครับ
  เคล็ดลับความสำเร็จ ข้อคิดดีๆ

  ข้อคิดเพื่อควาสำเร็จ

  วาทะขงเบ้ง สอนใจคน

  ทำไมคนจนถึงแตกต่างจากคนรวย

  การใช้เงินระหว่างคนจน กับคนรวย

  แนวคิดดีๆจาก ตัน อิชิตัน

  จากมนุษย์เงินเดือน สู่มหาเศรษฐีร้อยล้าน

  อาชีพที่เสี่ยงอันตรายที่สุดในโลก

       ข้อคิดเพื่อความสำเร็จทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งส่วนเดียวของข้อคิดเพื่อความสำเร็จ เพราะยังมีอีกหลายมุมมองหลายความคิดที่ผู้ที่ประสบความสำเร็จได้นำมาเผยแพร่เอาไว้  แต่จากที่ดูแล้ว แต่ละคนที่ได้ถ่ายทอดมานั้น พวกเขาเหล่านั้นไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชตา และอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง พวกเขาสามารถต่อสู้ เรียนรู้ และฟันฝ่ามันมาให้ถึงที่สุด  จนทำให้เขาสามารถมาถึงจุดยืนที่สูงสุดของชีวิตได้สำเร็จ..
     



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ขอบคุณวิดีโอจากยูทูป

สิ่งที่เหนือกว่า

       ในอีกมุมองหนึ่งของธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะของการแข่งขันกันทำธุรกิจนี้ ท่านต้องมีสิ่งที่เหนือกว่า ในหลายเรื่องๆ จึงจะประสบความสำเร็จได้ดีกว่าคนอื่น หรือคู่แข่งของท่านเอง อะไรบ้างที่เรียกว่า สิ่งที่เหนือกว่า เพื่อนำพาท่านไปสู่เป้าหมายได้ดีกว่าคน มาดูกันครับ

       สิ่งที่เหนือกว่าคนอื่น ที่ท่านต้องมีให้ได้ครบทุกข้อ เพื่อความบรรลุเป้าหมาย ผมได้รวบรวมมาประมาณ 7 ข้อครับ 
 1. ต้องเร็วกว่า  ท่านต้องทำงานให้เร็วกว่าคนอื่นครับ แก้ปัญาได้รวดเร็วกว่า ตอบสนอง และตอบคำถามลูกค้าได้รวดเร็วกว่า ฯลฯ หรือถ้าเป็นสิ่งของ ก็ต้องมีความสะดวก ที่รสดเร็วกว่าของคู่แข็งในลักษณะเดียวกัน แบบนี้เป็นต้นครับ นี่คือสิ่งที่เหนือ ในข้อแรกที่ท่านต้องมี
 2. มีเวลามากกว่าคนอื่น ข้อนี้หมายถึง ท่านต้องทำงานให้มากกว่าคนอื่น  ในขณะที่คนทั่วไปทำงานคนละ 8 ชั่วโมงท่านอาจจะต้องทำงานให้ได้ถึงประมาณ 10 โมง หรือ 11 ชั่วโมง ถ้าไหว ในเวลาเดียวกันนี้ ท่านย่อมได้เปรียบกว่าคนอื่น เพราะท่านสามารถทำงานได้ สองที่ใน หนึ่งวัน  เช่นงานประจำ 8 ชั่วโมง งานเสริมออนไลน์อีก 3 ชั่วโมง หรือเป็นงานออนไลน์ทำได้ถึง 9 ชั่วโมงต่อวันก็ถือเป็นประโยชน์กับตัวเองครับ
 3. คุณภาพต้องดีกว่า เมื่อคนมีคุณภาพดีแล้ว คราวนี้สินค้าของท่านก็ต้องมีคุณภาพเช่นกันครับ ถึงจะไปกันได้ครับ
 4. ต้องประหยัดเงิน หรือประหยัดค่าใช้จ่ายให้มันน้อยลงไปครับ ข้อนี้รวมถึงสินค้าที่ขายด้วยนะครับ ถ้าลูกค้าซื้อสินค้าของท่านด้วยในราคาที่เหมาะสม แถมยังได้ของที่มีคุณภาพดีกว่าเจ้าอื่น ย่อมเกิดความคุ้มค่ากับผู้บริโภค ทำให้ลูกค้าเดิดความประทับใจ และกลับมาซื้อซ้ำได้อีกเช่นกันครับ
 5. เปลี่ยนเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย ท่านต้องมีความสามารถที่จะเปลื่ยนเรื่องที่ยุ่งยากให้กลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น หากเป็นสินค้าที่ผลิตเอง ก็ลองหาวิธีลดขั้นตอนการผลิตลงแต่สินค้ายังคงไว้ซึ่งปรืมาณและคุณภาพ ส่วนค้าก็ต้องเป็นสินค้าที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก ผู้ใช้อ่านวิธีใช้แล้วเข้าใจง่าย ประมาณนี้ครับ
 6. มีความเอนกประสงค์กว่าคู่แข่ง สินค้าที่ท่านขายควรจะมีการใช้งานได้หลากหลายกว่าคู่แข่งในประเภทเดียวกัน เพราะคงไม่มีใครอยากซื้อของประเภทที่ว่า ใช้งานได้แย่างต่ออย่างหรอกครับ คนโดยส่วนมากมักจะนึกถึงความเอนกประสงค์ทั้งนั้น รวมถึงภาษาที่ใช้ติดฉลากเพื่ออกสรรพคุณ ก็ควรจะมีซักสองภาษา ไทย-อังกฤษ เผื่อเจอลูกค้าที่ไม่เก่งภาษาไทย แต่เค้าเก่งอังกฤษ ท่านก็ยังมีโอกาสในการขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น
 7. มีความสุขกับสินค้า ไม่ว่าท่านจะเป็นแค่ผู้ขายดดยไม่ได้ใช้สินค้าที่ท่านขายเองก็ตาม แต่ท่านก็ควรจะใส่ความสุขลงไปในตัวสินค้าด้วย เพื่อให้ลูกค้าที่ใช้แล้วเกิดความรู้สึกที่ดีต่อสินค้า ใช้แล้วเห็นผล มีบริการที่ดี สินค้ามีคุณภาพ รู้สึกเป้นกันเอง สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในตัวท่านและสินค้า ทำให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ เป็นการเพิ่มยอดขายได้อย่างดีเลยครับ

       สิ่งที่เหนือกว่าคนอื่นหรือคู่แข่งที่ท่านควรจะต้องมี ผมได้รวบรวมมาไว้เพียงเท่านี้ มีอยู่ 7 ข้อด้วยกัน หากท่านปฏิบัติตามทุกข้อ สม่ำเสมอ ไม่ยอมแพ้ รับรองว่าท่านต้องบรรลุเป้าหมายแน่นอนครับ





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ข้อคิดธุรกิจสร้างสรรค์

       การจะทำธุรกิจขึ้นมาสักหนึ่งงานควรจะต้องคำนึงถึงวิธีคัดกรองไอเดียในการลงทุนทำธุรกิจให้คุ้มค่าและสร้างสรรค์   เพื่อหลีกเลี่ยงขัอผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น จนก่อให้เกิดความล้มเหลวในธุรกิจ โดยสิ่งที่ท่านจะต้องนึกถึงสำหรับข้อคิดธุรกิจสร้างสรรค์นี้ผมได้รวบรวมมาไว้ 4 หัวข้อด้วยกัน

       ข้อคิดธุรกิจสร้างสรรค์ เพื่อให้ธุรกิจออกมาดีที่สุด และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นมีดังนี้ครับ
  1. ท่านต้องรวบรวมไอเดียธุรกิจทั้งหมดออกมาก่อน หมายถึงว่า ให้ท่านเขียนไอเดียของธุรกิจที่ท่านอยากทำมากที่สุดขึ้นมาก่อน เป็นไอเดียที่ท่านเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง เขียนรวมกันเอาไว้เพื่อให้ท่านๆด้มีทางเลือกและสามารถตัดสินได้ง่ายขึ้นครับ
  2. คัดเลือกไอเดียที่ดีที่สึดออกมา การคัดเลือกนี้ท่านก็แค่ดูจากความเป็นไปได้ว่าท่านสามารถทำได้หรือไม่ แล้วคักเลือกธุรกิจเหล่านั้นออกมาสัก 2-3ไอเดีย โดยตัดสินใจจากองค์ประกอยเหล่าครับ เช่น ดูเรื่องความแปลกใหม่ กลุ่มลูกค้า คู่แข่งในตลาด และโอกาสการดติบโต เป็นต้นครับ
  3. ธุรกิจที่ท่านคัดเลือกออกมานั้นได้ตอบโจทย์แล้วหรือยัง  โดยท่านสามารถพิจารณาได้จากสองข้อนี้ครับ
- ท่านใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่จนสุดความสามารถแล้วหรือยัง และพร้อมที่จะเปลี่ยนธุรกิจนั้นให้เป็นเงินแล้วหรือไม่
- ธุรกิจที่ท่านคิดขึ้นมานี้ ท่านได้ศึกษาถึงตลาด ความเป็นไปได้ของธุรกิจ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมาอย่างดีแล้วหรือไม่
       ท่านสามารถพิจารณาถึงข้อคิดธุรกิจสร้างสรรค์ได้จากสองข้อนี้เป็นหลัก เพื่อให้ธุรกิจออกมาดีที่สุด และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
  4. สร้างแผนธุรกิจที่ชาญฉลาดและเหมาะสมขึ้นมา ไอเดียที่ผ่านทดสอบแล้วถือว่าพร้อมที่จะปฏิบัติได้จริง คือสร้างแผนธุรกิจให้เหมาะสมหรือาอดคล้องกับไอเดียที่เราคิดขึ้นมา เช่น วิธีการผลิต การตลาด การส่งเสริมการขาย โปรโมชั่น เป็นต้น และมีแผนสำรองรับมือกับสถาณการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดอยู่เสมอ ซึ่งท่านสามารถศึกษาได้จาก หัวข้อรับมือก่อนทำธุรกิจ ที่อยู่ในเว็บนี้ได้เช่นกันครับ
       สื่งสำคัญของข้อคิดธุรกิจสร้างสรรค์อีกอย่างนั่นก็คือ อย่าเข้าข้างความคิดไอเดียของท่านเอง เพราะส่งผลเสียและอาจทำให้ไม่คุ้มค่ากับการลงทุนได้ ก็คืออย่าคิดเข้าข้างตัวเองนั่นแหละครับ เพียงแค่ความชอบอย่างเดียวอาจยังไม่พอกับความสำเร็จ ให้คิดเสมอว่าคนที่เป็นคนซื้อนั้นคือลูกค้า ไม่ใช่ท่านที่เป็นคนซื้อ 

       เชิญทุกท่ารับชมวิดีโอตัวอย่างของธุรกิจสร้างสรรค์ที่เขาสามารถเอาน้ำมันรำข้าวมาเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นธุรกิจสร้างสรรค์ จากมันสมอง  ซึ่งเธอสามารถนำความคิดและไอเดียเจ๋งๆ มาต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า นอกจากนี้เธอยังได้แนะนำข้อคิดธุรกิจสร้างสรรค์ในตอนท้ายสำหรับผู้ที่จะทำธุรกิจใหม่ๆที่ไม่ซ้ำใคร มาให้ทุกท่านได้นำไปใช้เป็นตัวอย่างด้วยครับ

       
       มีหลายคนที่ได้เรียนรู้ข้อคิดธุรกิจสร้างสรรค์ไปกันเยอะแล้ว แต่สิ่งที่ท่านเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ก็คือสินค้าและบริการที่ใครต่อใครกำลังแย่งหันผลิตแย่งกันขายอยู่ในขณะนี้  หากท่านเป็นผู้ขายที่มีแบรนด์เป็นเครื่องตัวเอง ถึงแม้ว่าสินค้านั้นจะมีคุณภาพดีแบบพื้นๆ ดีแบบธรรมดา หรือดีแบบมาตรฐาน อย่างที่ทั่วไปที่เห็นอยู่นี้ อาจจะยังไม่เพียงพอกับความสำเร็จ ซึ่งท่านจะต้องมีอะไรที่ดีกว่านั้น ท่านถึงจะโดดเด่นและพอจะก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จได้ครับ




++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ข้อมูลอ้างอิงจากเดวิด แพร์ริช ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจเชิงสร้างสรรค์
วิดีโอจากรายการ  Smart Money



อยากประสบความสำเร็จ

       ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมต้องอยากประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม แต่จะมีสักกี่คนกันที่จะประสบความสำเร็จตามอย่างที่วาดฝันไว้ เป็นเพราะอะไรถึงไม่ประสบความสำเร็จหละ

       คนที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็ตาม สิ่งที่คุณต้องมีเป็นอันดับแรกคือ จิตใจที่มุ่งมั่น ไม่หวั่นไหว ไม่ยอมแพ้ต่อความยากลำบาก ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดูเหมือนยากก็ตาม จิตใจของคุณคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อจิตใจมาแล้ว ต้องลงสมอง คิดให้อย่างถี่ถ้วน นึกถึงอนาคตข้างหน้า นึกถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งในเรื่องดี และเรื่องที่อาจจะไม่ดี เพื่อจะได้เตรียมรับได้อย่างทันท่วงที 
       เมื่อลงมือทำแล้ว จงทำอย่างมีสติ และไหวพริบให้ทันต่อเหตุการณ์ อย่างที่ผมบอก คุณควรจะต้องนึกถึงอนาคตเพราะถ้าคุณมองเห็นอนาคต คุณก็จะรู้ว่าคุณจะต้องทำอะไร คุณควรมีที่ปรึกษาที่ดี  ถ้าเป็นไปได้ควรจะเป็นคนที่สนิทและรู้ใจคุณมากที่สุด เมื่อต่างฝ่ายต่างรู้ใจกัน การร่วมงานกันย่อมเกิดผลดีแน่นอน เพราะไม่มีใครทำอะไรให้ประสบความสำเร็จได้โดยปราศจากที่ปรึกษา รวมไปถึงแหล่งความรู้จากคนอื่นและสื่อต่างๆที่คุณก็ควรจะต้องศึกษาให้ดี  
       แหล่งความรู้จากคนอื่นก็อาจเป็นคนที่เค้าประสบความสำเร็จมาแล้ว เพราะเค้าเหล่านั้นจะมีวิธีในการแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะเค้าผ่านมันมาแล้วนั่นเอง
"คุณเคยถูกปฏิเสธหรือเคยล้มเหลวแบบบุคลที่อยู่ในวิดีโอนี้มาก่อนหรือไม่ ถ้ายังไม่เคย นั่นแปลว่าคุณมีโอกาสมากมายกว่าพวกเขา" 
       อยากประสบความสำเร็จ ลองดูวิดีโอนี้เพื่อเป็นแรงบัลดาลใจและกำลังให้กับตัวเองกันครับ



       ในเส้นทางที่คุณกำลังเดินอยู่นั้นล้วนไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบเสมอไป ย่อมต้องมีหนามที่คอยทิ่มแทงคุณอยู่ตลอด ขอเพียงจิตใจของคุณไม่หวั่นไหวและไม่ยอมแพ้ คุณต้องชนะมันได้แน่นอน



       ทุกความพยายาม อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ว่าทุกๆความสำเร็จนั้นเกิดจากความพยายาม หากคุณอยากประสบความสำเร็จ ในเว็บที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ เป็นส่วนหนึ่ง ที่ให้คำแนะนำในการลงทุนหรือการหาเงินในรูปแบบต่างๆ ซึ่งผมจะหาเนื้อหามาถ่ายทอดให้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะครับ 







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ขอบคุณวิดีโอจาก PT Creatiive



ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน

       ใครบ้างที่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนไปตลอดชีวิต และใครบ้างที่ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนไปตลอดชีวิต ลองถามตัวเองจากใจจริงดูนะครับ เพราะเนื่องจากว่ายุคสมัยนี้เรามีเทคโนโลยีที่ไร้ขีดจำกัดสามารถติดต่อกับผู้คนที่อยู่ทั้งใกล้และไกลแสนไกลได้ด้วยเวลาเพียงแป้บเดียว โอกาสตรงนี้แหละครับที่จะทำให้เราสามารถหลุดพ้นจากมนุษย์เงินเดือนได้

       สมัยนี้การทำงานหรือจะทำธุรกิจ ไม่จำเป็นต้องอยู่แต่ในออฟฟิศเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว มีงานหลายๆงานที่ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีเป็นตัวช่วยหลักในการทำงาน ไม่ต้องเดินทางไปไหนให้เสียเวลา ไหนจะรถติด ฝนตกแดดออก เหนื่อยมั้ยครับที่ต้องเจอแบบนี้ ถ้าคุณเป็นหนึ่งที่ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องเข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น  เมื่อเป็นแบบนี้ทุกวัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ "น่าเบื่อ"  เราจะหาวิธีให้หลุดพ้นจากมนุษย์เงินเดือนนี้ไปได้อย่างไร ผมขอแนะนำว่าเทคโนโลยีการสื่อสารที่ไร้พรมแดนนั้น ช่วยเพิ่มทางเลือกการทำงานอิสระให้กับคุณได้หลายอาชีพเลยทีเดียว
       คุณอาจจะลองหาขายอะไรผ่านเฟสบุ้คดูก่อนก็ได้ เพราะว่าเฟสบุ้ค เป็นเว็บเครือข่ายออนไลน์ที่มีคนใช้มากที่สุดในโลกในตอนนี้ สิ่งของที่นำมาขายก็ควรจะเป็นเอกลักษณ์นิยมเฉพาะกลุ่มไปก่อน เพื่อจะได้จับเป้าหมายได้ง่ายขึ้น  และหากคุณลองคิดหาไอเดียใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เกี่ยวกับการขายสินค้าออนไลน์ ที่ทำให้คุณไม่ต้องยึดติดกับการเข้าออกงานแบบไปเช้าเย็นกลับ เอาชีวิตไปผูกติดกับคนอื่น หากคุณจริงจังกับมัน พยายามคิดหาอะไรใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา รับรองได้เลยว่า เงินเดือนที่คุณมีอยู่ในตอนนี้ อาจจะเริ่มต้นอยู่ที่ 9 พัน หมื่นนึงหรือหมื่นกว่าก็ตาม คุณจะสามารถหาเงินได้มากกว่านี้อีก ยิ่งหากสินค้าของคุณขายดีคุณอาจทำเงินได้เกินสองหมื่นต่อเดือนเลยทีเดียว 
       เทคนิคการขายสินค้าออนไลน์ไม่มีอะไรมากครับ  คุณต้องมี สินค้าที่ดี มาพร้อมกับช่องทางการขาย และรูปแบบการตลาดออนไลน์ที่ถูกต้อง เพียงสามสิ่งนี้ สิ่งที่คุณจะได้รับก็คือ รายได้และเวลาที่มีมากขึ้นในแต่ละวัน  เพียงเท่านี้คุณก็สามารถหนีจากมนุษย์เงินเดือนได้แล้วหละครับ(ถ้าไม่อยากทำ) ให้คุณติดตามอ่านวิธีการขายสินค้าออนไลน์   
ขั้นตอนการขายสินค้าออนไลน์ และเทคนิคการขายสินค้าออนไลน์ในแบบต่างๆ รวมถึงกลยุทธ์ในการเอาชนะคู่แข่งในเว็บนี้นะครับ เพราะจะมีบอกเอาไว้ทุกอย่างเลยครับ
       หากคุณคิดที่จะอยากขายสินค้าออนไลน์ ไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกต่อไปแล้ว ให้เริ้มลงมือทำตั้งแต่วันนี้เลยนะครับ หากยิ่งช้ายิ่งนานวันคู่แข่งก็จะยิ่งมีเพิ่มขึ้น เพราะคุณไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนอะไรมากมายเลยครับ คุณอาจจะเริ่มการขายสินค้าโดยไม่ต้องสต๊อกสินค้าก่อนก็ได้ แค่มีรูปภาพตัวอย่างให้ดู เมื่อมีคนสนใจสอบถามสั่งซื้อเข้ามา คุณก็ค่อยสั่งจากคนที่คุณรับสินค้าจากเค้า ให้เค้าส่งสินค้าไปให้ตามที่อยู่ลูกค้าของคุณ แค่นั้นเองครับ คุณก็ได้กำไรจากการขายสินค้าในชิ้นแรกแล้ว

      หากคุณไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนแล้วจงใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ยิ่งเป็นยุคของคนรุ่นใหม่ที่หันไปทางไหนก็เจอแต่คนก้มหน้าก้มตาแตะนิ้วมือลงบนสมาร์ทโฟนหรือแท๊ปเล็ตกันทั่วบ้านทั่วเมือง คุณยิ่งต้องควรใช้โอกาสนี้ในการขายสินค้าออนไลน์ให้ได้ เพราะมันจะทำให้ผู้คนเห็นร้านค้าของคุณได้อย่างกว้างขวางเป็นอย่างมาก นั่นก็เท่ากับว่าคุณสามารถทำให้คนอื่นเห็นร้านค้าของคุณได้พร้อมๆกันทั่วประเทศ



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ข้อมูลจากเทคนิคขายสินค้าออนไลน์

อันตรายจากสเตียรอยด์

       ในปัจจุบันนี้ยังผู้ขายเครื่องสำอางหลายๆคนที่ยังคงใช้ส่วนผสมของสเตียรอยด์ ให้กับลูกค้า เพียงเพราะหวังแค่ว่าเครื่องสำอางของตนเองนั้นจะได้ผลดีอย่างรวดเร็ว แต่ไม่คิดถึงอันตรายจากสเตียรอยด์ ที่จะเกิดขึ้น มีหลายคนไม่รู้และซื้อไปใช้ แต่ปรากฏว่าเกิดอาการแพ้ เป็นผื่นแดงขึ้นตามใบหน้า เป็นที่มาของการจับกุมผู้จำหน่าย 

       อันตรายจากสเตียรอยด์ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทครับ มีทั้งแบบเฉียบพลันและแบบข้างเคียงแบบเรื้อรัง
        อันตรายจากสเตียรอยด์แบบที่ 1 แบบเฉียบพลันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันจะทำให้เกิดสิวโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าและหน้าอก สิวที่เกิดขึ้นนี้จะแตกต่างจากสิวทั่วไปคือ มันจะเป็นสิวแบบเดียวกันทั้งหมด หรือทำให้โรคเดิมที่เป็นอยู่เป็นมากขึ้น นอกจากนี้อาจทำให้ดกิดการแพ้สารกันบูด และน้ำหอมที่ใส่ในเครื่องสำอางสเตียรอยด์ได้ ส่วนการแพ้เฉพาะตัวในสเตียรอยด์นั้น พบได้น้อยครับ
        อันตรายจากสเตียรอยด์แบบที่ 2 คือประเภทผลข้างเคียงแบบเรื้อรัง ได้แก่อาการที่ทำให้ผิวหน้าบางลง จนออกไปตากแดดกลางแจ้งไม่ได้ มักจะเกิดอาการแสบร้อน หลอดเลือดใต้ผิวหนังเปราะแตกง่าย มีขนยาวขึ้นตรงบริเวณที่ใช้เครื่องเครื่องสำอางที่มีสเตียรอยด์ และประเภทนี้เมื่อใช้ไปนานๆแล้วมักจะหยุดใช้ไม่ได้ เพราะถ้าหยุดใช้ก็จะทำให้เกิดรอยแดง หรือโรคผิวหนังอักเสบ ที่เป็นอยู่ก็จะอาการหนักขึ้น และมีความต้องการที่จะใช้สเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นมากขึ้น เหมือนอย่างกับคนติดยายังไงอย่างงั้นเลยครับ
  สำหรับคนที่แพ้สเตียรอยด์ไปแล้ว หากต้องการเลิกมีวิธีแนะนำตามวิดีโอนี้ครับ





       หากจะมองดูแล้วอันตรายจากสเตียรอยด์มีมากกว่าประโยชน์ที่จะได้รับเสียอีก หากใครคิดที่จะจำหน่ายเครื่องสำอางที่มีสารปนเปื้อนประเภทนี้ ขอให้นึกอนาคตของตัวเองให้ยาวๆนะครับ และนึกถึงผู้ใช้ด้วย เพราะนอกจะทำร้ายลูกค้าที่ไว้วางใจซื้อผลิตภัณฑ์จากท่านแล้ว เพราะคิดว่าท่านมีความจริงใจต่อผู้บริโภค แต่ที่ไหนได้กลับทำร้ายลูกค้าทางอ้อม โดยเห็นผลอย่างรวดเร็ว ท่านอาจจะติดคุกหมดอนาคตไปเลยนะครับ





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข

ขอบคุณวิดีโอจาก LPBbyTanya

ส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง

       รู้ไว้ดีกว่าไม่รู้ครับว่า  ส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง นั้นมีอะไรบ้าง เผื่อว่าวันดีคืนดีดันไปเจอเข้าจะได้รู้ว่านี่มันคือสารอันตราย หรือส่วนประกอบที่ห้ามมีในเครื่องสำอาง จะได้ไม่เผลอใช้ไปแล้วจะเกิดอาการแพ้ตามมาทีหลัง ซึ่งในปัจจุบันนี้เชื่อว่ายังมีสารต้องห้ามปนเปื้อนอยู่ ส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางมีอะไรบัางมาดูกันครับ

      ส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางอย่างแรกเลยก็คือ
       1. สารไฮโดรควิโนน มีคุณสมบัติในการฟอกสีผิว แต่กระทรวงสาธารณสุขได้วิจัยออกมาแล้วว่าสารนี้จพให้เกิดอาการระคายเคือง ผิวหน้าคล้ำ มีจุดด่างขาวที่ใบหน้า และจะเป็นฝ้าถาวรที่รักษาไม่หาย นอกจากนี้ยังพบว่าสารนี้ มีฤทธิ์ก่อให้เกิดมะเร็ง(จากการทดลองโดยใช้หนูทดลอง) สารไฮโดรควิโนนถูกกำหนดเป็นส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางสำหรับใบหน้าตั้งแต่ปีพ.ศ.2539 ตามพระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ.2535 แต่ว่าสารชนิดนี้สามารถใช้เป็นสูตรตำหรับของยาชนิดครีมที่ระดับความเข้มข้นตัองไม่เกิน 2-4% เท่านั้นครับ
       2.  กรดเรทิโนอิก เป็นสารที่ทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลผิวหนัง และหลุดลอกได้ จึงช่วยให้สิวเสี้ยนและผิวหนังที่หยาบกร้านหลุดลอกได้ง่ายขึ้น หน้าดูใสผุดผ่อง แต่ว่าความเป็นพิษของสารนี้ก็คือ จะทำให้หน้าแดวและเกิดอาการแสบร้อนถึงขั้นรุนแรง ระคายเคือง อักเสบ แพ้แสงแดดและแสงไฟได้ง่าย แถมยังเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ด้วยนะครับ 
กรดเรทิโนอิก ถูกกำนหดมห้เป็นส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอาง ตั้งแต่ปีพ.ศ.2532  กรดเรทิโนอิกสามารถใบ้เป็นสารออกฤทธิ์ในสูตรตำหรับยาชนิดครีมที่ความเข้มข้นต้องไม่เกิน 0.01-0.1% เท่านั้นครับ
       3. ปรอทแอมโมเนีย ชื่อนี้คงเคยได้ยินผ่านหูกันอยู่บ้างนะครับ  สารชนิดนี้จะทำงานออกฤทธิ์รบกวนเอนไซม์ ทำให้ลดการสร้างาีผิวเมนลานินลง จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้น นอกจากนี้ปรอทแอมโมเนียยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิด Staphylococcus จึงป้องกันสิวได้ด้วยครับ แต่ความอันตรายของสารชนิดนี้คือ  สามารถทำลายไต ระบบประสาท เยื่อบุและทางเดินหายใจ  และหากใช้ติดต่อกันเป็นเวลนานจะทำให้เกิดการสะสมของปรอทในผิวหนัง และดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต ทำมห้ตับและไตอักเสบ เกิดโรคโลหิตจางทำลายสีผิวหนังและเล็บมือ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ผิวจะบางขึ้นเรื่อยๆและทำให้เกิดการแพ้หรือเป็นแผลเป็นได้
       ปรอทแอมโมเนียจัดเป็นส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางตั้งแต่ปีพ.ศ.2532 ในปัจจุบันนี้เชืือว่ายังคงมีสารทั้งสามตัวนี้ปนเปื้อนอยู่ในเครื่องสำอางที่เกินกำหนด ซึ่งสารที่พบมากที่สุดคือปรอทแอมโมเนียครับ รองลงมาก็จะเป็นสารไฮโดรควิโนน และกรดเรทิโนอิกตามลำดับ

ตัวอย่างวิดีโอทดสอบเครื่องสำอางที่ผสมปรอทแอมโมเนีย




       แม้ว่าส่วนประกอบที่ห้ามใช้ในเครื่องสำอางทั้งสามตัวนี้จะมีประโยชน์และใช้ได้ผลมากขนาดไหน แต่ผลร้ายที่ตามมาก็มีไม่แพ้กัน (มากกว่าด้วย ซ้ำ) ดังนั้นแล้วทั้งผู้ขายและผู้ใช้เครื่องสำอางควรจะศึกษาข้อมูลของผลิตภัณฑ์ให้ดีก่อนนะครับว่ามีสารเหล่านี้ปนเปือนอยู่มากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ไม่เป็นอันตราย ส่วนผู้ขายเองก็ควรจะมีความซื่อสัตย์และความจริงใจต่อลูกค้า เพราะมันจะมีผลว่าธุรกิจของท่านจะดีหรือจะเจ๋งนั่นเองครับ




+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ขอบคุณข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข
วิดีโอจาก rain rainny








กลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งสินค้าออนไลน์

       เมื่อท่านมีร้านค้าออนไลน์เป็นของตัวเองแล้ว แน่นอนว่าการค้าขายและธุรกิจไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ย่อมต้องมีคู่แข่งเป็นธรรมดา ถ้าหากร้านของคู่แข่งมีสิ่งที่เหนือกว่าเราทั้งกลยุทธ์ ความรู้ และความกว้างขวางของสังคมของผู้ขาย แน่นอนว่าเป็นที่เราไม่อยากมห้เกิดขึ้น เพราะเราอาจจะเสียลูกค้าไปเพราะเนื่องจากว่า เขาอาจจะมีกลยุทธ์ที่ดีกว่าร้านของเรา ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องเรียนรู้กลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งสินค้าออนไลน์ ให้เหนือกว่าคู่แข่งให้ได้

       กลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งสินค้าออนไลน์มีอยู่หลายวิธีด้วยกัน ท่านจะทำอย่างไรถึงจะเรียกได้ว่า "รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" มาเรียนรู้กลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งสินค้าออนไลน์กันเลยครับ
        1. ท่านต้องรู้จุดแข็งของเครื่องสำอางของเราเสียก่อน
       เพราะหากท่านรู้จุดแข็งของเครื่องสำอางขอวท่านแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ท่านจะนำมาพัฒนาให้ดีขึ้นได้กว่าเดิม หรืออาจะดูว่าสินค้าที่ท่านขายมีสินค้าตัวไหนที่ลูกค้าของท่านใช้แล้วได้ผลดีตามที่สรรพคุณระบุไว้ ก็แปลว่านั่นแหละครับ คือสินค้าที่เป็นจุดแข็งของท่าน ท่านควรจะส่งเสริมสินค้าตัวนี้ให้มากๆ โดยการโปรโมทให้บ่อยขึ้น หรือทำรีวิวจากค้าให้เยอะที่สุด แต่ก็อย่าละทิ้งสินค้าตัวอื่นๆที่รองๆลงมาด้วยนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวตัวอื่นจะขายไม่ออก หากไม่รู้จริงๆว่าสินค้าของเราตัวไหนได้ผลดี ก็ถามจากลูกค้าที่ได้ใช้สินค้าของเราก็ได้ครับ 
        2. รู้จุดอ่อนของคู่แข่ง
       ดูว่าเจ้าไหนที่เครื่องสำอางประเภทเดียวกับท่านอยู่ แล้วลองเข้าไปสำรวจหน้าร้านออนไลน์ของเค้าดูซิว่า การจะชัดแต่ง รูปแบบของเค้าเป็นยังงงัยบ้าง ลูกค้าหรือคนที่เข้ามาถูกใจ หรือเพื่อนในเฟสบุ้คเยอะมั้ย สิ่งเหล่านี้ถ้าร้านท่านมีใกล้เคียงกับร้านของคู่แข่ง ท่านต้องรีบกลับมาพัฒนาหน้าร้านของท่านให้นำหน้าคู่แข่งให้ได้
        3. ต้องมีความแตกต่าง
       เพราะร้านค้าออนไลน์ทุกวันนี้ถ้าลองเข้าไปไล่ๆดูแล้วก็แทบจะเหมือนๆกันหมด สิ่งเหล่านี้ท่านควรจะต้องทำให้เหนือกว่าคู่แข่งให้ได้ เช่นแพกเกจดีไซน์ อาจจะทำให้ดูหรูหราขึ้น หรือจะเป็นการบริการหลังการขายที่ไม่เหมือนใคร แบบนี้ก็ได้ครับ
        4. สร้างเอกลักษณ์ขึ้นมา
       อาจจะคิดค้นโลโก้ขึ้นมาที่ไม่เหมือนใคร คนเห็นแล้วจำได้ง่าย เมื่อลูกค้าพูดถึงก็จะต้องนึกถึงโลโก้ของท่านเป็นอันดับแรก ตรงนี้ก็จะเหมือนเป็นจุดเด่นหรือเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เพราะมันมีความแตกต่างจากร้านค้าทั่วๆไปครับ
        5. ต้องมีความน่าเชื่อถือ
       ลูกค้าจะยังไม่ยอมสั่งสินค้าจากเราถเาหากดูแล้วร้านของท่านไม่มีความน่าเชื่อถือ ทั้งในเรื่องตัวสินค้า และตัวของผู้ขายเอง ท่านต้องแสดงให้เห็นว่าร้านค้าออนไลน์ของท่านมีความน่าเชื่อถือ ภาพรีวิวจากลูกค้าจึงเป็นสำคัญ เพื่อเป็นตัวอย่างให้กับลูกค้าคนต่อๆไป สรรพคุณของสินค้าต้องไม่เกินความเป็นจริง รวมถึงเรื่องการส่งสินค้าต้องตรงตามวันที่กำหนด วิธีเหล่านี้จะทำให้ร้านค้าของท่านมีความเชื่อถือมากขึ้นครับ
        6. ต้องเปลี่ยนให้ลูกค้าทั่วไปเป็นลูกค้าประจำให้ได้
       หากลูกค้าที่ซื้อสินค้าของท่านไปใช้แล้วใช้ได้ผลดี เมื่อเค้าตอบกลับมา ท่านต้องตอบรับลูกค้าอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อลูกค้าคนนี้ใช้ของของท่านหมดแล้ว เค้าย่อมต้องกลับมาซื้อสินค้าจากท่านอีกแน่นอน ดังนั้นการติดตามหลังการขายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการซื้อซ้ำต่อไปเรื่อยๆครับ เผลอๆลูกค้าคนนี้จะแนะนำให้คนอื่นๆมาซื้อกับท่านอีกก็เป็นไปได้ครับ

       ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งสินค้าออนไลน์ ที่จำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งที่ท่านสมควรจะต้องทำให้ได้ เพราะการค้าขายบนโลกออนไลน์นั้นท่านไม่สามารถเห็นกริยาท่าทางของลูกได้ หากท่านบริการไม่ดี ก็จะเสียลูกค้าไปได้ง่ายๆแน่นอน โดยที่ท่านก็ไม่สามารถรั้งไว้ได้เลย  กลยุทธ์เอาชนะคู่แข่งสินค้าออนไลน์อาจจะมีมากกว่านี้ ขอให้ท่านศึกษาจากสื่อต่างๆเพิ่มขึ้น อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ จึงจะเรียกว่า คิดแล้วรวยอย่างที่เราต้องการธุรกิจของท่านก็จะยอดขายที่ดีขึ้นเรื่อยๆแน่นอนครับ





เทคนิคขายสินค้าออนไลน์แบบรวยเร็ว

       เมื่อท่านมีหน้าร้านออนไลน์ที่เป็นของตัวเองแล้ว สิ่งที่ต้องทำต่อมานั่นก็คือ จะทำยังไงให้หน้าร้านออนไลน์ของท่านมีสามารถดึงดูดลูกค้าทั้งที่สนใจมากและสนใจน้อยให้เข้ามาดูในรูปร้านค้าของท่าน เพราะเมื่อมีคนเข้ามาดู นั่นก็แปลว่ามีคนสนใจในสินค้าของท่านแล้ว แล้วท่านจะทำอย่างไรให้คนที่สนใจเหล่านั้นกลายมาเป็นลูกค้าได้  เทคนิคขายสินค้าออนไลน์แบบรวยเร็วนี้ จะสอนเทคนิควิธีให้ท่านได้นำไปใช้กับร้านค้าออนไลน์ได้อย่างถูกวิธีและเต็มรูปแบบของการขายสินค้าออนไลน์

       เทคนิคขายสินค้าออนไลน์แบบรวยเร็ว มีแต่ไมีกี่วิธี แต่มีรายละเอียดอาจจะเยอะหรืออาจะน้อย ต้องศึกษาดูเลยครับ
        1. อันดับแรกเลยก็คือ ต้องโพสรูปสินค้าพร้อมกับสรรพคุณของมัน
       อย่างแรกที่ต้องทำในขั้นตอนนี้คือ ท่านต้องถ่ายรูปสินค้าให้ชัดเจน สวยงาม และน่าดู พร้อมกับใส่สรรพคุณหรือประโยชน์ของสินค้านั้นลงไปด้วย เพื่อให้คนที่สนใจหรือลูกค้าได้ดูผ่านหูผ่านตาเสียก่อน เพราะสิ่งแรกที่ผู้คนในโลกออนไลน์จะดูหรือจุเห็นนั่นก็คือรูปภาพนั่นเองครับ เรื่องประโยชน์หรือสรรพคุณเป็นสิ่งที่รองๆลงไป  ยิ่งถ้าหากสินค้าของท่านถูกบรรจุอยู่ในแพกเกจที่สวยงาม ก็จะช่วยเพิ่มความน่าดึงดูดใจให้ลูกคัาสนใจมากยิ่งขึ้นครับ
        2.ประโยชน์และรายละเอียดของสินค้าต้องเป็นความจริง
       สิ่งที่รองลงมาจากรูปถ่านสินค้านั่นก็คือ ข้อมูลและประโยชน์เกี่ยวกับสินค้า ต้องเป็นความจริง เชื่อถือได้ อย่างเช่นครีมทาหน้าเพื่อกระชับรูขุมขน ที่ควรใช้คู่กับโฟมล้างหน้า จะสามารถเห็นผลใน 1 เดือน  สรรพคุณนี้ก็ต้องเป็นความจริง ในระยะเวลาประมาณนี้ ต้องเห็นว่ารูขุมขนแลดูเล็กลงจริงๆ ส่วนจะมากหรือน้อยอันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้า และการใช้งานว่าใช้ตามที่ระบุไว้หรือไม่ แต่ถ้าใช้ตามวิธีที่ระบุทุกอย่าง แล้วเห็นผลจริง ไม่มีผลข้างเคียง ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้ครับ
        3. รีวิวจากลูกค้า
       เมื่อลูกค้าได้ซื้อเครื่องสำอาง ท่านควรจะแนะนำให้ลูกค้าถ่ายรูปตอนก่อนใช้เครื่องสำอางของท่านเสียก่อน เพื่อจะได้ดูว่า ก่อนใช้ และ หลังใช้เป็นอย่างไร ได้ผลดีมากน้อยแค่ไหน เมื่อลูกค้าใช้แล้วได้ผลดี ก็ควรจะให้ลูกค้าส่งรูปกลับมาให้ดู ทั้งก่อนใช้และหลังใช้ เพื่อที่ท่านจะได้เอาไว้เป็นตัวอย่างให้กับลูกค้าคนต่อๆไปได้ดูถึงสรรพคุณและประโยชน์ของเครื่องสำอางหรือชิ้นค้าชนิดนั้น ว่ามีคนได้ใช้สินค้าตัวนี้แล้วได้ผลแบบนี้ ประมาณนี้ครับ เมื่อลูกค้าคนต่อๆไปเห็นว่ามีคนใช้แล้วได้ผลจริง ย่อมทำให้เกิดความอยากใช้มั่งเป็นธรรมดา เพราะโดยส่วนมากแล้ว ถึงท่านจะมีรูปภาพพร้อมสรรพคุณสินค้าแต่ถ้าไม่มีรีวิวจากลูกค้าคนที่เคยใช้มาถ่ายทอดให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว คนที่จะมาซื้อย่อมยังไม่มั่นใจในสินซักเท่าไหร่นัก เอาเป็นว่า รีวิวจากลูกค้าถือเป็นสิ่งที่สำคัญเหมือนกันที่จะช่วยให้ได้ลูกค้าใหม่ๆเพิ่มขึ้นครับ
        4.ต้องส่งของให้ตรงเวลา
       เมื่อลูกค้าสั่งสินค้าที่ร้านของท่านแล้ว ขั้นตอนในการส่งสินค้าถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะมันจะเพิ่มความน่าเชื่อถือ น่าไว้ใจให้กับลูกค้า ถ้าท่านสามารถส่งสินค้าให้ได้ตรงตามวันที่กำหนด ถ้าหากจะคลาดเคลื่อนก็อย่าให้เกิน 1 วันเป็นดีที่สุด ยกเว้นแต่ว่าดันไปติดวันเสาร์หรืออาทิตย์ที่ทางไแรษณีย์หยุดทำการ อันนี้ก็ต้องชี้แจงให้ลูกค้าเข้าใจถึงวันที่คลาดเคลื่อนด้วยเช่นกันครับ เพราะการซื้อของแล้วต้องโอนเงินจ่ายให้กับใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยเจอมาก่อนย่อมต้องมีความไม่สบายใจต่อคนที่จ่ายเงินบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ ดังนั้นจะประทับใจท่านแน่นอนหากท่านสามารถส่งสินค้าให้ตรงตามเวลาที่กำหนด จะเป็นรักษาลูกค้าได้เยอะแน่นอนครับ
        5.ต้องเข้าใจเมือลูกค้ามีผลข้างเคียง
       ท่านอาจจะรับผิดชอบโดยการคืนเงินให้กับลูกค้า เมื่อลูกค้าใช้สิน้คาของท่านแล้วเกิดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงที่ไม่ดี เพราะถึงอย่างน้อยการที่ท่านมีส่วนในการรับผิดชอบลูกค้าในตรงนี้ก็ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกดีขึ้นมาบัาง ที่อย่างน้อยผู้ขายก็ยังออกมารับผิดชอบ เผลอๆบางคนอาจจะไม่อยากได้เงินคืนเลยด้วยซ้ำ เพราะเห็นใจเรา อันนี้ผมก็เคยเจอมาแล้วเหมือนกัน ซึ่งลูกค้าคนนั้นบอกกัยผู้ขายว่าเดี๋ยวจะเอาไปให้ญาติใช้ล้ะกัน  เพราะไม่อยากส่งกลับคืน ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว
     
       ทุกขั้นตอนของเทคนิคขายสินค้าออนไลน์แบบรวยเร็วนี้ ล้วนมีความสำคัญเท่าๆกันทุกข้อ ท่านจะละเลยข้อใดข้อหนึ่งไปได้ หากอยากจะประสบความสำเร็จทางด้านนี้ให้ได้  แนะนำว่าให้ทำตามทุกข้อเลยนะครับ เท่าที่ผมได้รวบรวมมาก็จะมีประมาณนี้ หากใครมีวิธีและเทคนิคที่ดีกว่านี้ก็คอมเม้นบอกมาได้เลยครับ เพือจะได้เป็นความรู้ให้กับผู้ที่สนใจต่อไปครับ



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์

       ไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือการงานอะไรก็แล้วแต่ย่อมต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เป็นธรรมดา เพราะไม่มีอะไรที่ทำได้อย่งราบรื่นโดยปราศจากข้อเสียและอุปสรรค ข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์มีดังนี้ครับ

       ข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์ ก็นับว่ามีมากหลายข้อเช่นกัน ฉะนั้นแล้วท่านจึจำเป็นอย่างที่จะต้องศึกษาข้อเสียเหล่านี้เอาไว้ เพื่อจะได้เตรียมรับมือและแก้ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์เท่าที่ผมได้รวบรวมมาน่าจะมีประมาณนี้ครับ
1. มีการแข่งขันสูง เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงเทคโนโญลีได้ง่าย ดังนั้นเราจึงต้องทำรูปแบบสินค้าให้มีความเป็นจุดเด่นขึ้นมาให้ได้ นับตั้งแต่ตอนที่ถ่ายรูปสินค้า ราคาสมกับคุณภาพ รวมถึงคุณภาพของสินค้าที่ต้องดีจริงๆ
2. ไม่มีมาตรฐานของราคาที่แน่นอน จึงมีการตัดราคากันเกิดขึ้นได้ง่าย
3. ลูกค้ายังไม่สามารถจับต้องสินค้าได้ จนกว่าสินค้าจะถึงมือลูกค้า
4. ไม่มีความชัดเจนของมาตรฐานและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
5. หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับการดูเว็บไซต์ที่ดีพอ อาจถูกไวรัสหรือถูกเจาะระบบได้ครับ
6. ความมั่นใจของลูกค้า ที่มีต่อสินค้า ยังค่อนข้างก้ำกลึ่ง ประมาณว่าซื้อดีหรือไม่ซื้อดี เพราะกลัวเจอของไม่ดี แล้วต้องเสียเงินไปฟรีๆ มีหลายคนที่เป็นแบบนี้
7. บางคนยังขาดความรู้ทางด้านเว็บไซต์ โดยไม่มีการอัปเดตข้อมูลบนเว็บไซต์ ไม่มีการพัฒนาหนา้เว็บให้เปลี่ยนแปลงไปตามยุค
8. อาจเกิดการบริการที่ล่าช้า หรือไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ นั่นเป็นเพราะไม่มีการวางแผนรับมือที่ดีพอนั่นเองครับ และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ลูกค้าอาจจะไม่รอสินค้าของท่านก็เป็นได้ เพราะลุกค้ามีทางเลือกที่เยอะกว่า
9. ราคาต้นทุน ถ้าเรารับสินค้ามาในราคาแพง แต่ไปเจอคู่แข่งที่ตัดราคาลงมาขายถูกกว่าเรา ก็จะทำให้ท่านต้องเสียกำไรลงไปอีกเยอะ แทนที่จะได้มากกว่านี้
      อาจจะมีมากกว่านี้นะครับ แต่เท่าที่ผมพอทราบๆมาของข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์ก็จะมีประมาณนี้ ข้อแนะนำที่ผมอยากฝากไว้เรื่องหนึ่งคือ ตอนนี้มีผู้ให้บริการดูแลเว็บไซต์ ให้คำปรึกษาอยู่มากมายในเรื่องการทำร้านค้าออนไลน์ ส่วนการโปรโมทเว็บขายสินค้ามี 2 วิธีคือ 1. จ้างให้ผู้บริการเพื่อโปรโมทเว็บไซต์ขายสินค้า  2. เสียเงินลงโฆษณาขายสินค้าเช่น google adword ก็ลงโฆษณาได้ครับหากใครคิดว่ามีมากกว่านี้ก็แนะนำมาได้ที่ช่องเม้นได้เลยนะครับ

       การลงทุนทำธุรกิจทุกอย่างย่อมมีความเสี่ยง ข้อเสียของการขายสินค้าออนไลน์นี้จะทำให้ท่านได้วางแผนธุรกิจให้รัดกุมอยู่เสมอ  การบริการก็ควรทำให้เกิดการผิดพลาดที่น้อยที่สุด ถ้าไม่มีได้ยิ่งดีครับ จะได้เป็นการักษาลูกค้าเก่าให้ติดตามซื้อสินค้าจากเราไปนานๆ ส่วนลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาซื้อ ก็จะได้เกิดความประทับใจและเชื่อมั่นในสินค้า และเกิดการบอกต่อกันไปอย่างเรื่อยๆ นนำมาซึ่งความสำเร็จของธุรกิจของเรานั่นเองครับ
 
     



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ข้อมูลจากผู้ที่เคยประสบมา

ข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์

       การทำธุรกิจทึกอย่างล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียรวมๆกันไป อยู่ที่ว่าเราจะสามารถวางแผนให้รัดกุมเพื่อเตรียมรับมือกับข้อเสียที่อาจจะเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ในที่นี้ไม่ได้บอกให้ท่านที่กำลังสนใจธุรกิจนี้ล้มเลิกความตั้งใจไปนะครับ แต่เพื่อต้องการให้ท่านนำเอาข้อดีเหล่านี้ไปพัฒนาหากลยุทธ์ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม มากันเลยครับว่าข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์มีอะไรบ้าง

       ข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์นั้นมีมากมายหลายอย่าง สามารถทำเป็นงานเสริมก็ได้ หรือถ้าขายดี ก็ทำเป็นอาชีพหลักได้เลย ข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์มีหลายข้อ เท่าที่ผมไล่เลียงมาก็มีประมาณงนี้ครับ
1. การขายสินค้าออนไลน์มีความ้ป็นอิสระ ไร้พรมแดน มากกว่าธุรกิจประเภทอื่นๆครับ
2. มีความสะดวกสบายทั้งคนขายและคนซื้อ
3. ดูแลจัดการง่าย 
4. สามารถขายสินคัาได้ทุกแบบ ทุกอย่างเลยครับ
5. ไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านก็ได้ แต่ถ้ามีก็เพิ่มความน่าเชื่อถือได้อีกระดับหนึ่งครับ
6. สามารถทำคนเดียวได้
7. สามารถติดต่อลูกค้า ได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ไลน์ เฟสบุ๊ค และอื่นๆ ถ้าหากมีการซื้อขายเกิดขึ้นแล้ว ก็รู้ที่อยู่ด้วยเช่นกัน
8. การชำระเงินก็ถือว่ามีความสะดวกอยู่หลายช่องทางครับ ไม่ว่าจะเป็นชำระเงินแบบออนไลน์ ตู้ATM เป็นต้น
9. เพิ่มโอกาสทางการตลาด นั่นก็คือ โลกออนไลน์นั้นมันกว้างมากกกก ผู้คนสามารถเห็นว่าท่านขายสินค้าออนไลน์ได้ทั้งประเทศเลยก็ว่าได้ ซึ่งต่างจากหน้าร้านที่จะเห็นกันแค่ในละแวกนั้น โอกาสที่คนจัวหวัดอื่นจะเห็นก็มีน้อย ถึงมีแต่โอกาสที่เค้าจะมาจอดรถเพื่อลงมาซื้อก็แทบจะไม่มีโอกาสเลย
10. ลูกค้าสามารถรอรับสินค้าที่หน้าบ้านได้เลย
11. ถ้าไม่มีหน้าร้าน ก็ไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานหรือให้คนอื่นมาเฝ้าร้านในยามที่เราไม่ว่างหรือไม่อยู่
12. ถ้าเราไม่มีหน้าร้านก็จะลดความเสี่ยงจากการถูกโขมยของ จากภัยธรรมชาติ หรือจากอุบัติเหตุต่างๆที่อาจเกิดขึ้น แบบที่เคยเห็นในข่าวก็คือ รถเสียหลักพุ่งเข้ามาชนในร้านค้าจนข้าวของเสียหาย
13. เข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายได้อย่างชัดเจน
14.และเท่าที่ทราบมาในปัจจุบันนี้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนก็ให้การสนับสนุนเช่นกันครับ เพราะมันสามารถทำเป็นงานเสริมได้ทุกเพศทุกวัย
15. ถ้าจัดการๆด้เก่งๆหน่อยก็ไม่จำเป็นต้องสต๊อกสินค้าก็ได้ 
16. ต้นทุนในการเปิดเว็บเพื่อขายสินค้าออนไลน์ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ แต่ของผมสมัครฟรี และเขียนเว็บเองเลยครับ http://propink.blogspot.com (เพิ่งจะเริ่มทำครับ สินค้ายังน้อยอยู่ เพราะต้องรอการอัปเดตจากผู้ขายและการพรีวิวจากลูกที่กำลังทยอยส่งเข้ามาครับ)  ซึ่งผมสามารถนำเว็บนี้ไปโปรโมทตามเว็บไซต์ต่างๆได้อย่างมากมายเป็นสิบเป็นร้อยเว็บเลยครับ โดยที่ไม่เสียเงินซักบาท และตอนนี้ก็มีลูกค้าใหม่ๆเข้ามาติดต่อในไลน์ของผู้ที่ขายสินค้าในเวบนี้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว จากการที่ผมสอบถามจากคนที่ขายของในเวบนี้นะครับ
17. ข้อสุดท้าย (หรืออาจจะมีเยอะกว่านี้ แต่คิดได้แค่นี้ครับ) สามารถวัดผล เก็บสถิติ และวิเคราะห์การขายได้ด้วยตัวเอง

       ดังนั้นหากท่านที่กำลังอ่านอยู่นี้ ได้อ่านข้อดีของการขายสินค้าออนไลน์แล้ว ถ้าอยากจะมีร้านค้าออนไลน์ออนไลน์เป็นของตัวเอง เชื่อว่าธุรกิจนี้สามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับได้อย่างแน่นอน หากท่านมีการวางแผนในการทำธุรกิจที่ดี ซึ่งผมได้เขียนขั้นตอนเอาไว้หลายๆขั้นตอนในการทำธุรกิจออนไลน์ที่ดี จะต้องเริ่มทำจากอะไรก่อน ท่านสามารถอ่านได้จากเว็บนี้เลยครับ http://millionrich.blogspot.com






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ข้อมูลจากผู้ที่ทำสินค้าออนไลน์แล้วประสบความสำเร็จ

เทคนิคขายสินค้าในอินสตาแกรมให้ได้ประสิทธิภาพ

       การขายสินค้าออนไลน์นั้นไม่จำดป็นว่าจะต้องมีแค่เฟสบุ๊คอย่างเดียว ท่านสามารถหาช่องทางอื่นๆในการนำเสนอสินค้าของท่านเพื่อให้ผู้เล่นอินเตอร์เน็ตสามารถรับรู้ได้ว่าท่านกำลังจะขายเครื่องสำอางหรือขายสินค้าออนไลน์ ในบทความนี้จะพูถึงเทคนิคการขายสินในอินสตาแกรมให้ได้ประสิทธิภาพ มาดูกันครับ ว่าต้องทำอะไรบ้าง

       1.รูปถ่ายสินค้าถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ
       อินสตาแกรมนั้นคือการบอกเล่าเรื่องราวด้วยภาพ ดังนั้นจำเป็นอย่างที่รูปถ่ายสินค้าของท่านจะต้องมีคุณภาพที่ละเอียดค่อนข้างสูง ในแต่ละสินค้าควรมีรูปถ่ายสินค้าอย่างน้อย 3 รูป เพื่อเอาไว้ใช้อัพเดตในภายหลัง วิธีการนี้จะทำให้ผู้สนใจได้มุมมองในการมองสินค้าได้หลายแบบ ควรเน้นรูปแบบของการจัดวางให้สร้างสรรค์สวยงามเข้าไว้ เพราะรูปถ่ายสิน้คาที่โดดเด่นจะดึงดูดใจให้ผู้คนคลิกดู และไม่แน่คนเหล่านั้นอาจเป็นลูกค้าของคุณในอนาคตอีกด้วยครับ
       2.ต้องใช้คำค้นหาให้เป็น
       คำค้นหาในอินสตาแกรมก็คือ Hashtag นั่นเองครับ หากท่านอยากให้รูปภาพสินค้าของท่านดึงดูดลูกค้าที่มุ่งหวัง ก็ควรใช้ Hashtag เป็นคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของท่าน เพื่อที่เวลาผู้คนเข้ามาค้นหาภาพผ่าน Hashtag รูปถ่ายสินค้าของท่านก็จะได้อยู่ในผลการค้นหานั้นด้วย.  Hashtag นี้ก็คือ Tag ที่มีสัญลักษณ์เป็นเครื่องหมาย#  ตามด้วยชื่อภาษอังกฤษ เช่น #cosmatic  เป็นต้น
       3. ให้ความใส่ใจกับผู้เข้าชมทุกคน ทั้งลูกค้าและที่ยังไม่ใช่ลูกค้า
       แอพพริเคชั่น อินสตาแกรมสามารถตั้งค่าให้มีการเตือนได้ถ้าหากว่ามีคนมากดไลค์หรือคอมเม้นรูปภาพของเรา เทคนิคง่ายๆก็คือ ถ้าหากมีคนมาคอมเม้นว่าสวยจัง ชอบรูปนี้มาก เราก็รีบตอบกลับทันทีโดยทิ้งว่าเป็นเพราะเราใช้เครื่องสำอางอันนั้นนี้ถึงทำให้เราดูดีแบบนี้ได้  เพื่อจะได้กล่าวเกี่ยวกับรายละเอียดของสินค้าให้มากขึ้นด้วยครับ
       4.เพิ่มช่องทางความสะดวกชำระเงินแก่ลูกค้า
      การซื้อขายก็เหมือนกับการแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน หากว่าอยากได้เงินจากลูกค้า ท่านก็ต้องควรจะเพิ่มช่องทางในการชำระเงินให้มากขึ้น เพื่อให้ง่ายและสะดวกกับลูกค้า หากท่านใช้วิธีในการโอนเงิน ก็ควรให้เลขบัญชี ชื่อบัญชี ธนาคารให้ชัดเจน เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามภายหลัง

       การทำธุรกิจเครื่องสำอางออนไลน์นั้น ไม่ว่าสินคัาคุณจะดีแค่ไหนก็ตาม คุณต้องมีความซื่อสัตย์โปร่งใสอย่างเต็มรัอยจึงจะดำเนินธุรกิจไปได้อย่างดี การที่ขายของออนไลน์นั้น ยิ่งหากคุณใช้แพกเกจเครื่องสำอางของคุณที่ดูสวยงาม ดูน่าใช้ รูปถ่ายที่ออกมาก็ยิ่งน่าดึงดูดให้คนที่สนใจเข้าไปคลิกถูกใจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ เป็นการช่วยเรียกลูกค้าได้อีกทางหนึ่งเลยครับ






++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

7ขั้นตอนขายสินค้าออนไลน์

       การขายสินค้าออนไลน์ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทหนึ่งเหมือนกัน เมื่อขึ้นชื่อว่าธุรกิจ แน่นอนว่าย่อมต้องมีความเสี่ยง ถ้าทำแลัวดีก็รุ่ง แต่ถ้าทำอย่างผิดวิธี ทำอย่างไม่ถูกต้อง ก็คงต้องร่วงแน่ๆ. แต่ก็อย่าเพิ่งรีบท้อใจไปนะครับ ทิ้งึวามกังวลเหล่านั้นไปก่อน เพราะหากท่านเรียนรู้มาก ก็เหมือนกับท่านมีอาวุธอยู่เต็มตัว ไม่ว่าจะเจออุปสรรคปัญหาใดๆ ท่านก็สามารถฟันฝ่ามันไปได้เสมอ สามารถเดินบนเส้นทางการแข่งขันธุรกิจออนไลน์ได้อย่างตลอดกาล บทความนี้ผมจะพูดถึง 7ขั้นตอนการขายสินค้าออนไลน์

       7ขั้นตอนการขายสินคัาออนไลน์ ที่จะทำให้ทุกท่านประสบความสำเร็จ
       ขั้นตอนที่1 แผนการตลาดออนไลน์
       แผนการตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำธุรกิจ และเป็นตัวกำหนดได้เลยว่าธุรกิจของคุณนั้นจะไปต่อได้หรือไม่ หากไม่มีแผนการตลาด ไม่มีการวางแผน ไม่มีเป้าหมาย ธุรกิจคงไปไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นท่านต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน มีขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย อย่างเช่น ทำอย่างไรให้สามารถขายสินค้าของเราได้ อาจจะเริ่มต้นด้วยการเปิดเว็บไซต์ ตามตัวอย่างนี้ครับ   propink.blogspot.com   แล้วทำการโปรสินค้า โปรโมทเว็บไซต์ ด้วยการใช้โฆษณาเป็นสื่อ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย แบบนี้เป็นต้นครับ
       ขั้นตอนที่2 งบประมาณลงทุน
       ธุรกิจจะเติบโตได้ แน่นอนว่าต้องมีเงินทุนสนับสุน เรื่องงบประมาณจึงเป็นัจจัยที่สำคัญในระดับเริ่มต้น นับตั้งแต่ตอนที่ลงทุนซื้อสินค้ามาขายครั้งแรก อาจจะมีอย่างอื่นเพิ่มขึ้นมาอีก อย่างเช่นการเปิดเว็บไซต์ จ่ายค่าโฆษณาเพื่อโปรโมทเว็บ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการขนส่ง  แต่ถ้าหากว่าท่านมารถจำกัดการลงทุนได้อย่างถูกวิธี อย่างเช่นเวบที่ผมยกตัวอย่างให้ไป propink.blogspot.com สมัครฟรี ทำฟรี และหาทางโปรโมทฟรีจากเว็บต่างๆ รวมถึงการสร้างเพจจากเฟสบุ๊คในหัวข้อ การทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค.  ต้นทุนนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าหากว่ามีการแข่งขันที่สูง
       ขั้นตอนที่3 คุณภาพของสินค้าต้องดี และมีความโดดเด่น
       ท่นต้องมองให้ออกว่าถ้าท่านเป็นลูกค้า ท่านต้องการอะไรจากการซื้อสินค้านั้น  ขอบอกว่าคุณภาพต้องมาเป็นอันดับแรกครับ หากสินค้าไม่มีคุณภาพ ซื้อแค่ครั้งเดียวก็ไม่กลับมาซื้อแล้ว หากอยากจะมีแยรนด์เป็นของตัวเอง ขั้นแรกท่านอาจจะลองใช้เองก่อน จากนั้น ลองใหเพื่อนสนิทใช้ดูด้วย แล้วทำการพรีวิวดู เพื่อเป็นโปรโมทสินค้า และแบรนด์ที่ท่านทำขึ้นเอง เรื่องของบรรจุภัณฑ์ ก็มีความสำคัญเช่นกัน ท่านตัองทำให้ผลิตภัณฆ์ดูโดดเด่น ดูมีอะไรที่น่าดึงดูดมากกว่าเจ้าอื่นในตลาดเดียวกัน หากทั้งแพกเกจที่สวยงามมาพร้อมกับคุณภาพที่น่าใข้มารวมกันแลัว ท่านก็สามารถเดินบนเส้นทางการขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างสบายๆไปเลยครับ
       ขั้นตอนที่ 4 เว็บไซต์ขายสินค้า
       ที่ง่ายที่สึดในการเริ่มต้นคือ เฟสบุ๊คนั่นเองครับ เป็นเว็บไซต์ที่มีคนเข้าชมมาก และหากท่านต้องการโพสภาพสินค้า และพรีวิวของลูกค้าก็สามารถทำได้ง่าย สามารถใช้เป็นเครื่องมือสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าหรือแบรนด์ของท่านเองได้เป็นอย่างดี.
       ขั้นตอนที่ 5 บริการเรื่องการชำระเงิน
       สำหรับการขายสินค้าออนไลน์นั้น มีช่องทางในการชำระเงินมากมายเช่น การโอนเงินผ่านธนาคารออนไลน์  ตู้ATM  7-11 และแบบเก็บเงินปลายทาง ผู้ขายก็ควรมีช่องหลายๆช่องนี้เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับลูกที่จะโอนเงินให้เรา มีข้อแนะนำว่า ถ้าลุกค้าโอนเงินเสร็จแล้ว ให้คเา้ถ่ายรูปแล้วส่งมาให้เราดูในไลน์หรือในช่องข้อความในเฟสบุ๊คก็ได้ครับ และพอที่เราส่งสินค้า ไม่ว่าจะช่องทางไปรษณีย์หรือจะรถโดยสาร ก็ควรถ่ายรูปส่งให้ลูกค้าดูเช่นกัน
       ขั้นตอนที่ 6 บริการจัดส่งสินค้า
       ที่นิยมกันมากที่สุดในตอนนี้คือ ไปรษณีย์ครับ เพราะมีความสะดวก ครอบคบุมทั่วประเทศ  แต่ถ้าเป็นสินค้าที่มีขนาดใหญ่โต คงต้องพึ่งบริการจาก DHL หรือ Fedex เพราะมีความรวดเร็ว ถ้าเป็นจังหวัดอยู่ติดๆกัน ก็สามารถฝากส่งกับโดยสารประจำทาง ศึ่งก็นิยมทำกันพอสมควร เพราะเมื่อรถไปถึง นั่นก็แปลว่าสินค้าไปถึงแล้วครับ
       ขั้นตอนที่ 7 บริการหลังการขาย
       อันนี้สำคัญเหมือนกันครับ อย่าเป็นแบบว่า ขายแล้วทิ้ง  การจะกลับมาซื้อซ้ำนั้นก็อาจจะมี แต่ก็น้อย ดังนั้นเราควรมีการติดตามหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าเกิดความอบอุ่นและมั่นใจในผลิตภัณฑ์ และยังทำให้เราสามารถรักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ และลูกค้าเก่าเหล่านี้เมื่อเค้าใช้ของของเราดี เค้าจะช่วยเราบอกต่ออย่างอัตโนมัติเลยครับ  ดังนั้นเราจึงควรมีบริการหลังการขาย เช่น หากไม่พึงใจในคุณภาพสินคัาสามารถคืนเงิน หรือเกิดแพ้เครื่องสำอางในภายหลัง ยินดีคืนเงิน เป็นต้น เท่านี้ก็สามารถสรเางความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าได้แล้วครับ

       7ขั้นตอนการขายสินค้าออนไลน์นี้ มีความสำคัญเท่ากันทุกขั้นตอน จะละเลยขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งไปไม่ได้ เพราะแต่ละขั้นตอนล้วนเป็นองค์ประกอบของการขายสินค้าออนไลนทั้งนั้น ถ้าอยากสำเร็จในด้านนี้ควรให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนนะครับ

เริ่มทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค

      การจะเริ่มทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊คนั้น ก่อนอื่นต้องตัดความกลัวที่ว่าจะขายไม่ได้ออกไปเสียก่อน และให้คิดเอาวไ้เสมอว่าที่ไหนมีผู้หญิง ที่่นั่นขายเครื่องสำอางได้แน่นอน เพราะผู้หญิงเป็นเพศที่รักสวยรักงามอยยู่ในตัวอยู่แล้ว ดังนั้นหากคนที่กำลังสนใจจะทำธุรกิจนี้ จงอย่ากลัวเด็ดขาด ตราบเท่าที่ผู้หญิงยังไม่สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ครับ

       อย่างแรกในการเริ่มทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค  สิ่งที่ท่านจะต้องมีเลยก็คือเฟสบุ๊คที่เป็นยูเซอเนมของท่านเองเลยครับ สักหนึ่งยูเซอเนมก่อน แค่นี้แหละครับก็เพียงพอที่จะเปิดหน้าร้านได้แล้ว หลังจากนั้นหากท่านเพิ่มเพื่อนในเฟสบุ๊คแล้ว ลองไร่เรียงถามเพื่อนที่สนิทก่อนว่าตอนนี้กำลังใช้ครีมอะไรอยู่ หรือปกติซื้อเครื่องสำอางที่ไหน ขั้นแรกผมแนะนำให้ลองจากเพื่อนสนิทดูก่อนนะครับ เพราะคุยกันง่าย สามารถทดลองผลิตภัณฑ์ได้
       อย่างที่สองคือ ลองโพสข้อมูล และสรรพคุณของเครื่องสำอางที่จะจำหน่ายลงหน้าเฟสบุ้คดูก่อน แนะนำว่าให้มีรูปด้วยนะครับ พร้อมบอกขนาดด้วยยิ่งดี เพื่อความชัดเจนของสินค้า  เพื่อให้คนอื่นและนอกเหนือจากเพื่อนของคุณเห็นเพื่อให้เขารู้ว่าเรากำลังจะขายเครื่องสำอางน้ะ วิธีนี้อาจทำให้มีคนสนใจเพิ่มขึ้นได้เลยครับ
       อย่างที่สามคือ ถ้ามั่นใจว่าสินค้าของเราดีจริงหรือสวยจริง อาจให้ตัวอย่างของเครื่องสำอางที่คุณขายให้กับเพื่อนคุณ หรือจะเป็นคนที่อยากจะทดลองเครื่องสำอางของคุณ ได้ทดลองสัมผัสดูก่อน เพราะสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ ครับ
       อย่างที่สี่คือ เมื่อเวลาผ่านไปสักพักลองสอบถามผู้ที่ได้ลองใช้เครื่องสำอางของท่านดูว่าเป็นอย่างไร หากผลตอบกลับมาดี ก็เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านเครื่องสำอางออนไลน์ของท่านได้แล้ว
       อย่างที่ห้าคือ อย่าไปกลัวกับผลตอบรับว่าจะออกมาดีหรือไม่ดี ขอเพียงเครื่องสำอางของท่านไม่มีสารประกอบที่ทำให้เกิดการแพ้ หรือไม่มีสารต้องห้าม  ถ้ามั่นใจว่าสินค้าของเรามีคุณภาพ ยังงัยก็ขายได้แน่นอนครับ
       จนกระทั่งมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว และมีสินค้าที่ท่านได้คัดเลือกไว้เป็นอย่างดีแล้ว ก็ค่่อยๆขยับขยายเพิ่มจำนวนสินค้าที่จะขายให้มากขึ้น เพื่อให้มีความหลากหลาย เมื่อท่านมีกำไรในระดับหนึ่งแล้ว ผมเชื่อได้เลยว่า ท่านต้องฝันที่จะมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง เพื่อลงโฆษณา และขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น อาจะศึกษาการทำเว็บไซต์เป็นของตัวเองขึ้นมาซักหนึ่งเวบ จากตัวอย่างเวบนี้ propink.blogspot.com เพื่อเพิ่มขีดความสารมารถในการโปรโมทสินค้าได้กว้างขวางขึ้น โดยการนำชื่อเวบไซต์ที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละครับ ไปโปรโมทกับเว็บไซต์อื่น  เมื่อถึงเวลานั้น งานอะไรก็ไม่เท่างานอิสระที่เราเป็นเจ้าของด้วยตัวเอง

     การเริ่มทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊คนั้น  ด้วยการหากลยุทย์การตลาดด้วยวิธีนี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ด้วยการเริ่มต้นใช้เงินเพียงเล็กน้อย คุณก็สามารเริ่มต้นด้วยวิธีการเหล่านี้ได้ อย่างที่ผมได้เคยบอกไปในหัวข้อที่ชื่อว่า ทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค ก็สามารถทำได้ทุกคน เพราะแทบจะไม่ต้องใช้เงินลงทุน ถ้าใช้ก็ใช้น้อย ที่สำคัญเมื่อมีหน้าร้านออนไลน์แล้วต้องหมั่นโปรโมทสินค้าของคุณ อย่างถูกที่ถูกเวลาด้วยนะครับ








++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ขอบคุณข้อมูลจากการขายสินค้าออนไลน์บนเฟสบุ๊ค






ทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค

       การทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค หรือว่าจะเป็นระบบ Socail network นั้น เป็นการโปรโมทสินค้า หรือว่าจะเป็นเว็บไซต์ที่ของเรา ให้คนทั่วไปในโลกออนไลน์ได้รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งการทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊คนี้ก็คือเราจะทำอย่างไรให้มีคนมาสนใจในตัวสินค้าของเรา เพราะเราสามารถโปรโมทสินค้าของเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงสื่อโฆษณาอีกด้วยครับ

       การทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค ในปัจจุบันเป็น Social network ที่มีคนรู้จักมากเป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ ในประเทศไทยเองมีผู้ใช้งานเฟสบุ๊คถึง 23 ล้านบัญชีเลยทีเดียว แต่ละบัญชีใช้เวลาออนไลน์อย่างน้อย 30 นาที และเป็นเว็ไซต์ที่คนไทยเข้าเยอะมากที่สุดในประเทศ  ดังนั้น!!! แน่นอนว่า สังคมออนไลน์บนเว็บไซต์นี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการโปรโมทสินค้าหรือเว็บไซต์ของคุณ  เพียงแค่คุณต้องสร้างข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง และมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้าให้มากที่สุด และทำให้เป็นจุดสนใจแก่ผู้พบเห็น ให้คิดไว้ว่า ยิง่มีคนเข้าชมมากเท่าไหร่ ยิ่งถึงกลุ่มลูกค้าได้มากเท่านั้นครับ
       ซึ่งลูกค้าสามารถติดตามเพจนั้นๆของคุณได้เพียงแค่กด Like นอกจากนี้การทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊คจะเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจของคุณเพราะเป็นเว็บไซต์ที่คนเข้าเยอะเป็นอันดับสองรองจาก google เลยครับ
       แต่บางครั้งหากว่าเราทำการโปรโมทสินค้าบ่อยก็อาจจะทำให้เพื่อนเราในเฟจบุ๊คเกิดการรำคาญได้นะครับ ควรจะเว้นช่วงบ้าง เพราะบางคนใช้สื่อออนไลน์ในทางที่ผิด เช่นการแทครูปภาพไปในรายชื่อต่างๆที่เป็นเพื่อนเราในเฟจบุ๊คโดยที่บางคนไม่ได้ต้องการข้อมูลของเรา ทำให้การโปรโมทสินค้าเหล่านั้นไม่เกิดประโยชน์กับคุถณเลย แต่จะกลับสร้างความน่ารำคาญให้กับเพื่อนในเฟสบุ๊คเอานะครับ  ดังนั้นคุณจึงควรสร้างแฟนเพจของสินค้าของคุณขึ้นมาอีกหนึ่งอัน เพื่อให้ฌแพาะกลุ่มที่มีความสนใจในสินค้าของคุณเข้ามาติดตามข้อมูลสินค้าของคุณ ด้วยการแค่กด Like ก็สามารถติดตามข้อมูลสินค้าของคุณได้ตลอดแล้ว
       การทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊คนั้นสามารถทำได้ 3 แบบ profile แบบGroup  และแบบPage แบบสุดท้ายนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดครับ แต่ละอย่างมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ
1.แบบ Profile  สามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้ ว่าอยากให้คนอื่นเห็นข้อมูลของคุณได้มากน้อยแค่ไหน
2.แบบ Group จะเป็นการรวมกลุ่มกัน ของบุคคลที่สนใจในเรื่องเดียวกัน สามารถพูดคุยได้ในกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งสามารถตั้งค่าให้เป็นสาธารณะ หรือเฉพาะกลุ่มก็ได้ครับ แล้วแต่ตามต้องการ
3.แบบ Page เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อโปรโมทสินค้า หรือแบรนด์สินค้า หรือจะเป็นธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่ สามารถเห็นได้ทุกคน จะมีความเป็นสาธารณะสูง เพียงแค่กด Like ลูกค้าก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข้อมูลสินค้าของคุณได้ตลอด 24 ชั่วโมง

       ต่อไปนี้เป็นวิดีโอสอนการสร้าง Page จากเฟสบุ้คครับ ท่านสามารถทำตามวิดีโอนี้ได้เลยครับ




       ข้อดีของการทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค นั้นมีหลายอย่าง เช่นช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงสื่อโฆษณา เพราะการทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊คไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ได้ง่าย สามารถขยายช่องทางการตลาดให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น  สามารถโฆษณาและโปรโมทสินค้าได้ตลอดเวลา  ติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายขึ้น  จัดทำได้ง่ายสะดวกรวดเร็ว  และสามารวัดผลได้ด้วยจากการกด Like ของคนที่สนใจ เห็นแบบนี้แล้วใครที่คิดกำลังจะทำตลาดออนไลน์บนเฟสบุ๊ค  ขอแนะนำว่าอย่ารีรอ รีบลงมือทำเลยครับ





++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




ข้อมูลจากคู่มือการใช้เฟสบุ๊คให้เกิดประโยชน์
วิดีโอจากSarunyaphat Tepsri





ชนิดของครีมหน้าขาว

       ชนิดของครีมหน้าขาวได้รับความนิยมเป็นอย่างมากใน โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่ซื้อเครื่องสำอางนี้จะเป็นตั้งแต่วัยรุ่นถึงวัยทำงายเลยก็ว่าได้ ซึ่งในปัจจุบัน ครีมหน้ามีให้เลือกหลายชนิดหลายราคา ตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่นบาทเลยครับ และสาเหตุที่ครีมหน้าขาวขายดีเพราะว่าสารที่ทำให้หน้าขาวนั้นแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
     
       1. ชนิดกระตุ้นการหลุดลอกของเซลผิวชั้นนอก
       ชนิดนี้ไม่ได้ลดการสร้างเม็ดสีโดยตรง แต่จะช่วยลอกเซลเก่าที่ตายไปแล้ว  จึงทำให้ผิวดูขาวขึ้น   ส่วนเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมจากพวกกรดของผลไม้ ที่มีจำหน่ายในท้องตลาด กฎหมายควบคุมให้มีความเข้มข้นได้ไม่เกิน 15% ถ้าหากสูงกว่านี้ ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะอาจทำให้เกิดการลอกจนแสบไหม้ได้ สาเหตุมาจากความเข้มข้นสูง จึงถูกนำไปใช้ทำ AHA Treatment ทาแล้วล้างออกเลย ไม่ได้ทิ้งไว้ตลอดคืนเหมือนกรดต่ำๆ  โดยจะทำแค่อาทิตย์ละครั้งเพื่อให้มีการหลุดลอกของเซลผิวชั้นนอกเร็วขึ้น ซึ่งแพทย์จะเป็นคนเลือกความเข้มข้นตวามความเหมาะสมของแต่ละคน
      ชนิดของครีมหน้าขาวชนิดที่ 2 คือ ชนิดยับยั้งการทำงานของเม็ดสีตามธรรมชาติ
       เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ที่อยู่ในชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า เมื่อได้รับการกระตุ้นจากรังสียูวีจากแสงแดด จะทำให้เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanin) เพิ่มขึ้นจึงทำให้ผิวพรรณดูคล้ำลง และเม็ดสีที่สร้างขึ้นนี้เองจะค่อยๆเคลื่อนตัวขยับขึ้นไปชั้นบน เพราะฉะนั้นแล้วสารที่จะทำให้ผิวขาวมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดเช่น
       กรดโคจิก(Kojic Acld)
       กรดชนิดนี้สร้างขึ้นจากเชื้อราชนิดหนึ่ง พบได้ตามธรรมชาติชอบเจริญเติบโตอยู่ในธัญพืช เช่น ถั่ว แป้งในเต้าเจี๊ยว ซีอิ้ว เหล้าขาว สาเก เหล่านี้มีส่วนผสมของโคจิกทั้งนั้น เมื่อนำมาผสมในครีมหน้าขาว ก็พบว่าสามารถออกฤทธิ์เฉพาะที่ได้ดีพอสมควร  ในปีค.ศ.1994 จึงอณุญาติให้ใช้กรดนี้ในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกโดยมีความเข้มข้นที่ 1%  ปัจจุบันใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่พบว่าอัตรการแพ้ก็ถือว่าสูงเพราะถ้ามีความเข้มข้นสูงขึ้น ก็จะเกิดอาการแพ้ เช่น อาจจะทำให้เกิดผื่นบวมแดง คัน มักพบภายในเวลา 48-72 ชั่วโมงหลังใช้ ยิ่งความเข้มสูงก็มีโอกาสแพ้ได้ง่ายขึ้น
       อาร์บูติน และสารธรรมชาติสกัดจากชะเอมเทศ
       สารชนิดนี้จะช่วยออกฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ในเซลที่สร้างเม็ดสี เช่นเดียวกับกรดโคจิก แต่พบผู้ที่แพ้อาร์บูตินน้อยมาก
       สารธรรมชาติจากชาเขียว , สารสกัดจากเปลือสนฝรั่งเศส , หรือสารสกัดจากเม็ดองุ่น
       ชาเขียวจะให้สาร Epigallocatechin (EGCG) ทั้งหมดเป็นสารในกลุ่ม โพลีฟีนอล  มีคุณสมบัติเป็นแอนติอ๊อกซิเด้น  ป้องกะนการเกิดเอกซิเดชั่นจากสารอนุมูลอิสระตัวร้าย ที่ทำให้เกิดวามเสื่อมของเซลล์ต่างๆ รวมทั้งเซลล์ผิวและเซลล์สร้างเม็ดสีด้วย เมื่อเซลล์สร้างเม็ดสีเสื่อมลงก็จะทำให้เกิดเป็นฝ้า กระ หรือรอยด่างดำ
       วิตามินซี และวิตามินบี3 
       วิตามินซีนั้นมีฤทธิ์เป็นได้ทั้งแอนติอ๊อกซิเดนท์ และมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดสีให้น้อยลง จึงทำให้ผิวพรรณดูขาวใสขึ้นได้ มีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งชนิดครีม โลชั่นทาผิว โฟม และแบบผงเขย่าผสมกับตัวทำละลายก่อนใช้ เป็นต้น  ส่วนงิตามินบี3 นั้น จะออกฤทธิ์ยับยั้งการเคลื่อตัวของเม็ดสีที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจะส่งขึ้นไปผิวหนังชั้นบน จึงทำให้มองเห็นรอยดำได้ไม่ชัดเจน
       ชนิดของครีมหน้าขาวที่ออกฤทธิืเพื่อช่วยยับยั้งการทำงานของเม็ดสีควรจะเห็นผลประมาณ 4-6 สัปดาห์  ส่วนเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารซึ่งจะเข้าไปช่วยกระบวนการหลุดลอกของเซลล์ผิว ควรจะเห็นผลชัดเจนเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-2 สัปดาห์

       ชนิดของครีมหน้าขาวทั้งหลายเหล่านี้ ท่านผู้ขายควรจะต้องทำการติดตามลูกค้าของท่านดูนะครับว่าใช้แล้วเห็นผลมากน้อยแค่ไหน ให้ลูกค้าทำพรีวิวมาให้ดูก็ได้ครับ เพื่อเราจะได้มั่นในสินค้าที่เราขาย และผู้ใช้เองจะได้มั้นใจในสิ่งที่เค้ากำลังใช้ เป็นการส่งผลให้สินค้าของเราขายดียิ่งขึ้น และยังเป็นอีกส่วนหนึ่งที่เราได้ติดตามเอาใจใส่ลูกค้าหลังการขาย เพื่อเพิ่มความไว้วางใจด้วยครับ






+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ข้อมูลอ้างอิงจากDr.Cosmatics.com



























เครื่องสำอาง(ธุรกิจออนไลน์)

       หากเราไม่มีเงินลงทุนมากพอที่จะไปก่อร่างสร้างธุรกิจอะไรที่ต้องใช้เงินเป็นหลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน แล้วละก็ ผมขอแนะนำธุรกิจ เครื่องสำอาง ธุรกิจออนไลน์ที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ เพราะการเริ่มต้นนั้น ไม่ต้องใช้เงินลงทุนที่มาก บางคนเริ่มต้นด้วยเงินเพียงแค่หลักร้อยก็มีครับ พอขายได้ ก็เริ่มต่อยอดทำกำไรได้เพิ่มขึ้นเป็นหลักพัน หลักหมื่น บางคนที่ทำอย่างจริงจังได้ถึงหลักแสนเลยก็มี
     
       ท่านรู้หรือไม่ว่าประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องสำอางเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และอันดับ 2 ของทวีปเอเชีย และที่สำคัญคือ ผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องสำอางส่วนใหญ่นั้น 97% เป็นธุรกิจ SMEs หรือเรียกอีกอย่างว่าาธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนั่นเอง สาเหตุที่ขายดีนั่นก็เป็นเพราะว่า เครื่องสำอางเป็นเหมือนปัจจัยที่ 6 ของผู้หญิงไปแล้ว จากการสำรวจพบว่า หญิงในวัยทำงานมีเพียง 25% เท่านั้นที่กล้าออกนอกบ้านโดยไม่มีเครื่องสำอาง อีก 75% ต้องมีเครื่องสำอาง
       ในการทำธุรกิจเครื่องสำอางออนไลน์นั้น เป็นธุรกิจออนไลน์ที่กำลังนิยมเป็นอย่างมาก เพราะลงทุนไม่มาก กำไรดี  ขายได้ง่าย หากคุณมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และมีผลิตภัณฑ์เตรียมขายไว้มากมาย ลองมาดูกันว่าจะทำธุรกิจนี้ได้อย่างไร
      ยกตัวอย่างเช่น หากท่านต้องการขายครีมบำรุงผิวชนิดหนึ่ง โดยมีกลุ่มเป้าหมายไว้แล้ว หากคิดแบบจำกัดงบประมาณเพื่อให้ลงทุนน้อยไว้ก่อนซัก 1 กิโลกรัม ในช่วงแรกเริ่ม  ราคาขายนั้นจะถูกหรือแพงก็ขึ้นอยู่กับความพิเศษของครีมครับ  และองค์ประกอบอื่นๆอาจทำให้ราคาต้นทุนสูงขึ้น เช่นแพ็กเกจที่บรรจุ และฉลากสติกเกอร์ที่ติดอยํุ่บนตัวผลิตภัณฑ์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการซื้อตลับเพื่อนำมาบรรจุนั้น จะต้องมีการสั่งขั้นต่ำที่ 100 ชิ้น และสติกเกอร์ต้องมีการสั่งทำที่ 1,000 ชิ้นขึ้นไป ส่วนราคาต้องต่อลองกับทางโรงพิมพ์ดูครับ หรืออาจจะหาที่เขารับทำในราคาไม่แพงก็ได้ครับ
       หากท่านสามารถหาแหล่งผลิตครีมที่ต้นทุนไม่สูงมากนัก บรรจุภัณฑ์ราคาปานกลาง และสติกเกอร์ที่ราคาไม่แพง ท่านก็สามารถตั้งราคาขายให้ต่ำลงมากว่าคู่แข่ง ก็อาจทำให้สินค้าอขงเราขายดีขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้ครับ แต่ถ้าหากว่าคูรภาพของครีมสูงพอที่คิดว่าลูกค้าจะยอมจ่ายได้ในราคาที่แพงขุ้น เราก็สามารถเพิ่มราคาขายได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องคู่แข่งเเล้ว
       ในเว็บที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี้จะมีบอกถึงตั้งแต่เริ่มการขายสินค้าออนไลน์ผ่านเฟสบุ้ค 7ขั้นตอนการสินค้าออนไลน์   5วิธีการขายสินค้าออนไลน์  รวมถึงการรับมือกับความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นและอื่นๆอีกมากมายให้ท่านได้ศึกษาอย่างครบถ้วนเลยครับ

       นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจเครื่องสำอางค์ได้อะไรมากกว่าที่คิด และที่จริงแล้วราคาต้นทุนก็ถือว่าราคาก็ใกล้เคียงกัน แต่ราคาขายที่ตั้งให้สูงนั้นก็เพื่อกำไรที่มากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองธุรกิจการขายเครื่องสำอางออนไลน์จึงเป็ฯที่สนใจของคนที่อยากจะมีเงินโดยไม่ต้องลงทุนมาก และยังไม่จำเป็นต้องมีหน้าร้านอีกด้วยเพราะเพียงแค่เราสามารถติดต่อกับทุกคนได้ด้วยโลกอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ก็สามารถหาลูกค้าจาก socail network ได้เป็นอย่างมาก









++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



รับมือกับความเสี่ยงก่อนทำธุรกิจ

      คนรุ่นใหม่หลายๆคนในปัจจุบันย่อมคิดที่จะอยากมีงานทำที่เป็นเจ้าของตัวเอง เพราะเบื่อกับงานประจำที่ทำอยู่เป็นจำนวนมาก และการที่เรามีธุรกิจเป็นของตัวเองนั้น เราสามารถที่จะควบคุม กำหนดแนวทางได้ด้วยตัวของเราเอง ไม่ต้องไปรอรับเงินเดือนเหมือนมนุย์เงินเดือน  แต่ถึงอย่างไรก็ตามย่อมมีเราต้องเตรียมการรับมือกับความเสี่ยงก่อนทำธุรกิจในหลายๆด้าน ความเสี่ยงนี้จะทำให้ถึงกับเจ๊งเลยก็เป็นได้ แต่หากท่านอยากจะมีความแข็งแกร่งและกล้าพอที่จะทำ ก็เชิญทุกท่านมารู้จักกับการรับมือกับความเสี่ยงก่อนทำธุรกิจเพื่อจะได้รับมือกับปัญหาที่ อาจจะเกิดขึ้นได้เลยครับ

       โลกเรานี้มีธุรกิจใหม่ๆที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายคนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเช่นกัน อยู่ที่ว่าท่านจะมีไอเดียที่ช่วยสร้างโอกาสในการทำตลาดธุรกิจที่มีผู้แข่งขันสูงได้อย่างไร ดังนั้นความคิดสร้างสรรค์นี้เองที่จะต้องพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อให้อยู่เหนือกว่าคู่แข่ง หากท่านมีการเตรียมตัวที่ดี  ความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จก็มีสูง
       ธุรกิจนั้นทำให้รวยได้จริงหรือ  หากลองศึกษาดูจากผู้ที่ประสบความสำเร็จหลายต่อหลายคน ที่กลายเป็นเศรษฐีได้ ทุกคนล้สนแต่เป็นเจ้าของธุรกิจกันทั้งนั้น  ส่วนประจำที่ทำอยู่นั้นก็รวยได้ แต่ก็ไม่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ถึงมีก็มีน้อยมาก
       การจะทำธุรกิจเป็นของตัวเองนั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแค่ท่านต้องรู้จักตัวเองให้ดีก่อนว่าชอบทำอะไร แล้วลองใช้ความคิดสร้างสรรค์ เฟ้นหาไอเดียดีๆ ว่าท่านจะเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเงินได้รึเปล่า  สำหรับวิธีการที่จะใช้สร้างไอเดียแบบไม่ยากนั้นหลักๆก็มีอยู่ 2 วิธี อย่างแรกคือ ท่านลองคิดดูว่าท่านมีความถนัดในเรื่องอะไร ก็จงทำในสิ่งที่รักและถนัดนั้นซะ เช่นหากชอบทำกับข้าวชอบทำอาหาร ก็ลองเปิดร้านอาหารดูก็ได้ครับ  วิธีที่สองก็คือ การสร้างคุณค่าบางอย่างขึ้นมา ที่คนอื่นยังทำไม่ได้ หรือมองไม่เป็นคุณค่านั้น  อริสโตเติ้ล เคยพูดว่า "ความลับของการทำธุรกิจนั้นคือการรู้อะไรสักอย่างหนึ่งที่คนอื่นยังไม่รู้นั่นเอง" เช่น หากแถวๆบ้านยังไม่มีร้านขายของชำ ท่านก็อาจจะลองศึกษาทำเลเพื่อเปิดร้านขายของชำ หรือถ้ามีเงินมากพอก็เปิด 7-11 ซะเลย เพื่อช่วยสร้างความสะดวกสบายให้คนในย่านนั้น
       ถึงอย่างไรก็ตามย่อมมีความเสี่ยงก่อนทำธุรกกิจเสมอ และการที่เราจะเลี้ยงความเสี่ยงนี้ไปได้นัั่นก็คือท่านต้องมีความรู้และความอยากในการทำธุรกิจนั้นด้วย  และอีกสิ่งหนึ่งนั่นก็คือเงินทุน  สามสิ่งนี้จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของท่านให้สำเร็จและรุ่งเรือง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่มีเงินแล้วแต่ไม่กล้าลงทุนเพราะกลัวว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา ก็จะลุกไม่ได้เลย เพราะหมดเงินไปกับการลงทุนแล้ว  หรือพวกมนุษย์เงินเดือนที่ทำงานประจำอยู่ ก็ได้แต่นั่งคิดนั่งฝันว่าอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่ก็เสียดายเงินที่เอามาลงทุน เพราะกว่าจะเก็บเงินได้แต่ละบาท สายตัวแทบขาด ความฝันนั้นก็เลยหลุดลอยไปทั้งๆที่ตัวเองก็อยากทำ และก็มีความสารถในการทำอยู่แล้ว  โดยไม่ทันคิดเลยว่า หากเขามีการวางแผนที่ดี  ธุรกิจที่สร้างขึ้นมาจากสองมือเรานี้ จะสร้างประโยชน์ให้กับชีวิตอย่างมหาศาล เพียงแค่ท่านกล้าพอที่จะลงมือทำ กล้อพอที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น

       สำหรับการรับมือกับความเสี่ยงก่อนทำธุรกิจนี้ ผมได้นำเอาวิดีโอของคุณธนกร มาช่วยอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้นักธุรกิจมือใหม่เกิดความล้มเหลว ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยในการรับมือกับความเสียงก่อนทำธุรกิจได้เป็นอย่างดีเลยครับ


     
        การเริ่มต้นทำสินค้าออนไลน์ก็ถือว่าเป็นสิ่งสร้างความสะดววกให้กับผู้ซื้อและผู้ขายได้เป็นอย่างดี ซึ่งตอนนี้ก็กำลังเป็นที่นิยมทำกันอย่างแพร่หลาย ก็เป็นธุรกิจที่ไม่ควรมองข้ามอีกเช่นกัน

       หากท่านที่กำลังคิดที่จะอยากทำธุรกิจเป็นของตัวเอง อย่าหยุดที่จะหยุดฝัน คิแต่สิ่งที่ดี เพื่อเป็นแรงบัลดาลใจให้ลุกขึ้นมาทำในสิงที่ฝัน ความเสี่ยงนั้นไม่อาจทำอะไรได้ หากท่านเตรียมความพร้อมรับมันอย่างถูกวิธี เพราะฉะนั้นหากท่านไม่ยอมแพ้ใจตัวเองเสียก่อน ความสำเร็จอยู่แค่เอื้อมแน่นอน หวังว่าบทความเรื่องรับมือกับความเสี่ยงก่อนทำธุรกิจนี้ จะเป็นประโยชน์ให้กับท่านที่กำลังจะลงทุนทำธุรกิจเป็นของตัวเองครับ







+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ส่วนหนึ่งของข้อมูลจากความเสี่ยงก่อนทำธุรกิจ
ขอบคุณวิดีโอจากคุณธนกร