สารบัญเว็บไซต์

สารบัญเว็บไซต์ !

ความคิดของคนรวย

       มีหนังสือเล่มหนึ่งมีชื่อว่า  How rich people think แปลว่า คนรวยคิดอย่างไร โดยคุณสตีฟ ซีโบลด์ หนังสือเล่มนี้สอนให้ผู้คนเปลี่ยนวิธีคิด ให้คิดในสิ่งที่ใหม่ๆ โดยเฉพาะ สอนให้รู้ถึง ความคิดของคนรวย ที่ทำให้คนรวยแตกต่างจากคนทั่วไป ผมขอยกตัวอย่างขึ้นมาประกอบซักเล็กน้อยนะครับ

       คนทั่วไปคิดว่าเงิน คือต้นเหตุแห่งความชั่วร้าย แต่คนรวยคิดว่า ความยากจน เป็นต้นเหตุแห่งความชั่วร้าย  หนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก และเป็นกูรูนักลงทุนชื่อก้องโลก เขาคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์  เมื่อตอนที่เขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มหาเงินโดยไม่มีความอายหรือรังเกียจในการหาเงินเลย เขาเริ่มด้วยการเคาะประตูบ้านทีละบ้านเพื่อเสนอขายหมาฝรั่ง น้ำอัดลม นิตยสารายสัปดาห์ ในช่วงที่เขาเรียนมัธยม เขาชื่อทำงานส่งหนังสือพิมพ์ ขายลูกกอล์ฟและแสตม เขาเริ่มยื่นเสียภาษีเป็นครั้งแรกขณะที่อายุเพียง 14 ปี พออายุได้ 16 ปี เขาก็หุ้นกับเพื่อนซื้อเครื่องพินบอลมาหลายเครื่ิอง เพื่อมาตั้งไว้ในร้านตัดผมหลายร้านที่เขารู้จักและคุ้นเคย สิ่งเหล่านี้ให้เห็ฯว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ ไม่เคยหรือรังเกียจในการหาเงินเลย

       ความคิดของคนรวยเรื่องแรกนี้ทำให้ท่านรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ กับการหาเงินของบัฟเฟตต์ มาดูเรื่องที่สองกันต่อนะครับว่าความคิดของคนรวยเค้ามีความคิดแบบไหนกันอีก

       เรื่องที่สองนั่นก็คือ คนทั่วไปคิดว่าความเห็นแก่ตัว เป็นสิ่งไม่ดี แต่คนรวยคิดว่าความเห็นแก่ตัวเป็นที่มาของอำนาจ
       ตัวอย่างหนึ่งของความเห็นแก่ตัว ที่เห็นได้ชัดในรอบหลายปีที่ผ่านมาคือ ผลงานของคนที่มีชื่อว่า จอร์จ โซรอส เป็นเรื่องที่ จอร์จ โซรอส โจมตีค่าเงินปอนด์ของอังกฤษ เป็ฯที่ทราบกันดีว่าสกุลเงินของอังกฤษเป็นสกุลที่ยอมรับกันทั่วโลกในฐานะอดีตมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก การโจมตค่าเงอนปอนด์จึงด฿เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่โวรอส เป็นคนแรกที่ทำสำเร็จ  ในวันที่ 6 กันยายน พศ.2535 โซรอสรู้ดีว่ารัฐบาลอังกฤษต้องการให้อังกฤษเข่าร่าวมเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มยูโรโซน ดังงนั้นอังกฤษจะไม่อัตราดอกเบี้ยเพราะเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมกลุ่ม โซรอสจึงได้ทำงาน Shorting เป็นการเก็งกำไรค่าเงินปอนด์ประเภทหนึ่ง เป็นเงินมากกว่าหมื่นล้านปอนด์ เพื่อบีบให้อังกฤษลดค่าเงินปอนด์ และเพิ่มอัตราดอกเบี้ย วนที่สุดอังกฤษก็ทนกับภาวะกดดันจากการโจมตีไม่ไหวและประกาศลดค่าเงินปอนด์ เมื่อเงินปอนด์มีค่าน้อยลง โซรอสจึงเริ่มซื้อเงินปอนด์กลับมาในอัตราแลกเปลี่ยนที่ถูกและนำไปคืิน จึงทำให้เขาได้กำไรอย่างมหาศาล ในขณะที่หลายธุรกิจในประเทศอังกฤษต้องล้มละลาย
       วิกฤตเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง ในปีพศ. 2540 เกิดวิกฤตในประเทศไทยและกระจายไปทั่วเอเชีย ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นเกิดจากการเก็งกำไรค่าเงินของโซรอสนั่นเอง เราจึงสามารถเห็นภาพความเห็นแก่ตัว ของโซรอสที่เข้ามาโจมตีค่าเงิน และทำลายเศรษฐของประเทศที่อ่อนแอ
       แม้ว่าโซรอสจะเห็นแก่ตัวในการเข้าโจมตีค่าเงินและเศรษฐกิจของหลายประเทศ แต่ในทางกลับกัน โซรอสก็ได้บริจาคเงินมากกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ ให้กับโรงเรียน มหาวิทยาลัย มูลนิธิ และองค์กรการกุศลอื่นๆทั่วโลก จนถูกขนานนามว่า โรบินฮู้ด แห่งโลกการเงิน

       ความคิดของคนรวยเรื่องที่สามนั่นก็คือ คนทั่วไปคิดว่า ตัวเองต้องมีโชค มีฟุ้คบ้าง แต่คนรวยคิดว่าตัวเองต้องขัยน  โดนัลด์ ทรัม มหาเศรษฐีชาวอมเริกันผู้โด่งดังจากรายการทางทีวีที่มีชื่อว่า The Apprentice ทรัมเกิดมาในครอบครัวในฐานะที่ดี นับว่าเป็นที่โชคดีมาแต่เกิด แต่ที่ชีวิตของเขาไม่ได้ราบรื่นเอาเสียเลย สมัยเด็กๆ ทรัมป์ได้มีโอกาสไปโรงเรียนที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงเเห่งหนึ่งของอเมริกาชื่อว่า เดอะคิวฟอร์เรสต์สกูลเป็นโรงเรียนที่พี่พี่ของเขาได้เรียนอยู่เเล้ว หลังจากทรัมป์เรียนไปได้ระยะหนึ่งเขาเริ่มมีปัญหากับเพื่อนเเละปัญหาอื่นๆตามมามากมาย จนในที่สุดพ่อเเม่ของทรัมป์ก็ตัดสินใจส่งเขาไปเรียนที่โรงเรียนการทหารเเห่งนิวยอค ที่นี่เขาต้องปรับตัวเองมากมายเพื่อรับกับสภาพเเวดล้อมที่มีระเบียบวินัยอย่างเข้มงวด ด้วยความพยายามของเขาเขาได้รับเกียรตินิยมเมื่อจบจากโรงเรียนเเห่งนี้ หลังจากนั้นเขาได้เริ่มศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ฟอร์ดเเฮม เมื่อจบเเล้วเเทนที่เขาจะทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของพ่อเขา ซึ่งมันเป็นชีวิตที่สบายไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากหนักเพียงเเต่รอคอยวันที่โชคจะมาหาเขาเท่านั้นเอง
       เเต่ทรัมป์กับทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามเข้าเริ่มรู้ว่าการทำธุรกิจของอสังหาริมทรัพย์ต้องมีความรู้ทางด้านธุรกิจมากว่านัี้เเละควรจะต้องมีสายสำพันธ์กับนักธุระกิจหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เขาจึงพยายามสอบเข้าโรงเรียนธุรกิจชื่อวอร์ตัน ของมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย เเละในที่สุดก็สาามารถสอบเข้าได้เเละสำเร็จการศึกษาในที่สุด ทรัมป์จึงเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของคนที่มีฐานะดีเเต่ยอมรอคอยให้โชคชตามากำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง เเต่กลับพยายามดิ้นรนขวนขวายวิ่งเข้าไปหาโชคดังกล่าวเเทน

        ความคิดของคนรวยความคิดที่ 4 คือ คนทั่วไปคิดว่า การศึกษาเท่านั่นที่จะทำให้รวยได้ เเต่คนรวยคิดว่าประสบการณ์ตั่งหากที่จะทำให้รวยได้
       บิล เกตส์ คือหนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลค เจ้าของอาณาจักรเครือบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ๋ของโลคที่มีชื่อว่า ไมโครซอฟท์ ทุกท่านคงคิดว่าเกตส์เรียนหนังสือเก่ง ถูกต้อง บิล เกตส์ เป็นคนที่เรียนเก่งมาก ในปี พ.ศ. 2516 เขาทำคะเเนน SAT ซึ่งเป็นการสอบภาคเข้ามาหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาได้คะเเนนสูงถึง 1590 คะเเนน จากคะเเนนเต็ม 1600 คะเเนน ด้วยคะแนนที่สูงมากดังกล่าวทำให้เขาสามารถสมัครไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกได้ตามที่ตั้งใจไว้
        ก่อนที่เกตส์จะเข้าฮาร์วาร์ดนั้น เค้ามีประสบการณ์ทางคอมพิวเตอร์มาตั้งเเต่อายุ 13 ปี โดยร่วมกับเพื่อนที่ชื่อ พอล อัลเลน ซึ่งต่อเขาก็กลายเป็นมหาเศรษฐี และหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของไมโครซอฟท์ เขาทั้งสองสามารถหารายได้จากความรุ้ดด้านคอมพิวเตอร์ที่มีอยุ่ เขาได้ใช้ประสบการณืร่วมกับอัลเลน หาเงินจากความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์ได้เป็นจำนวนมาก และต่อมาก็ทำเงินได้อย่างมหาศาลจากธุกิจนี้ ซึค่งในที่สุดเขาก็เลิกเรียนหนังสือที่ฮาวาร์ดไป จนถึงทุกวันนี้ บิล เกตส์ ก็ยังไม่สำเร็จปริญญาตรีเลย

    ข้อคิดดีของบิล เกตต์ หนึ่งในมหาเศรษฐีของโลก เขาบอกว่า 11 เรื่องที่โรงเรียนไม่เคยสอนมีอะไรบ้าง มาฟังกันครับ


        ความคิดของคนรวยความคิดที่ 5 คือ คนทั่วไปมักจะคิดถึงวันเก่าๆ ส่วนคนรวยคิดถึงแต่อนาคต   สตีฟ จ็อบส์ เป็นชื่อหลายคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไอโฟน และผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลอีกหลายตัว ได้แสดงถึงตำนานแห่งนวัตกรรมอันยิ่งใหญ๋ของจ็อบ แทบจะไม่มีใครในโลกเลยที่จะมีความยิ่งใหญ่ได้เทียบเทียมกับเขาเลย
       จ็อบส์ เป็นเด็กกำพร้า เขาเติบมาด้วยการเลี้ยงดูของครอบครัวบุณธรรมตระกูลจ็อบส์ แม่บุญทำของจ็อบ คลารา สอนให้เขาอ่านหนังสือ และจ็อบส์อ่านหนังสือได้ก่อนที่จะเข้าโรงเรียนอนุบาลเสียอีก ขณะที่พ่อบุญทำ พอล ชอบสอนเขาเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ จ็อบส์มักจะมีปัญหากับเพื่อนตั้งแต่เด็กจนโตเขามักจะทิ้งการเรียนในวิชานั้นๆทันที ถ้าเขาคิดว่ามันไม่ใช่ตัวเขา โดยเขาไม่เคยสนใจอดีตเลย ความคิดของเขาจะมุ่งตรงไปยังอนาคตเท่านั้น
       ในปี พ.ศ. 2519  จ็อบส์ได้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล คือ apple1 และ apple2 ซึ่งขายดีถล่มทลายไปทั่วโลก ในปีพ.ศ.2521 จ็อบส์ ได้ดึง จอร์น สกัลลีย์ ซึ่งเป็น CEO ของเป็บซี่ มาเป็น CEO ของแอปเปิ้ล ด้วยประโยคที่ว่า "คุณจะใช้เวลาที่เหลือของชีวิตกับการขายน้ำหวาน หรือคุณอยากได้โอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้"  ตามด้วยเหตุการณ์ที่น่าเคร้าใจคือในปีพ.ศ. 2528 สกัลลีย์และกรรมการของแอปเปิ้ลได้ลงมติปลดจ็อบออกจาการเป็นผูบริหารของแอปเปิ้ล บริษัทที่เขาตั้งขึ้นมาด้วยมือของเขาเอง
       ในปีพ.ศ. 2540 จ็อบส์ ได้กลับมาเป็นผู้บริหารในแอปเปิ้ลอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้สมองของจ็อบส์ มุ่งคิดถึงแต่นวัตกรรมในอนาคตเท่านั้น เริ่มต้นด้วยการนำไอพอด อกมาจำหน่ายและมียอดขายถล่มทลาย ตามมาด้วยการเปิด ไอจูนโสตร์ (iTune Store) ที่เป็นแหล่งขายเพลงออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามมาด้วยไอโฟน ไอแพด และอีกหลายๆผลิตภัณฑ์ และได้ทำให้บริษัทแอปเปิ้ล ได้กลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สึดในโลกไปแล้ว แม้ว่าตอนนี้จ็อบส์จะจากไปจากโลกนี้อย่างไม่มีวันหวนกลับคือนมาอีกแล้วก็ตาม

       หลังจากที่ท่านได้อ่านความคิดของคนรวยมาถึงตอนนี้ที่มี 5 ความคิดแล้ว ท่านได้อะไรที่จะเป็นไอเดียให้กับตัวเองบ้างหรือยังครับ ความคิดบางความคิดอาจทำให้ท่านสามารถทำให้ตัวเองเปลี่ยนวิธีคิดได้ หรือหนึ่งในนั้น อาจทำให้เรารวยขึ้นก็เป็นได้ ยังมีอีกหลายความคิดที่จะให้ทุกท่านได้ศึกษาไว้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตอีกหลายความคิดด้วยกัน




เรียนรู้การสร้างรายได้เพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้ครับ การลงทุน การสร้างรายได้ การใช้ชีวิต

--------------------------------------------------------------------------------------------------------





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น