สารบัญเว็บไซต์

สารบัญเว็บไซต์ !

วางแผนการเงิน

       สำหรับท่านผู้อ่านที่มีความรู้ความสามารถในการออมเงินไม่มากนัก หรือไม่ชอบที่จะต้องคอยเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของการลงทุนอยู่เกือบตลอดเวลา ในบทความนี้ผมขอแนะนำการวางแผนการเงินที่มีอยู่ 2 วิธีด้วยกันคือ 1. การวางแผนการเงินแบบใช้กลยุทธ์ในการออมเงินและการลงทุนแบบสม่ำเสมอ  2. การวางแผนการเงินแบบเศรษฐีอัตโนมัติ  ทั้งสองการวางแผนนี้มีรายบะเอียดดังนี้ครับ
   

       1. การวางแผนการเงินแบบใช้กลยุทธ์ในการออมเงินและการลงทุนแบบสม่ำเสมอ การวางแผนแบบี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างวินัยในการออมเงินและการลงทุน รวมทั้งลดความผันผวนในการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภทที่มีราคาขึ้นลงตามความต้องการของตลาด เช่น คนที่ทำงานทั่วไปเมื่อเงินเดือนออกก็ควรจะตั้งใจหักเงินบางส่วน เช่น 5% , 10% , หรือ 20% เป็นต้น เอาไว้เป็นเงินออมเพื่อนาคต จากนั้นก็เอาเงินออมดังกล่าวที่ออมไว้จำนวนเท่ากันทุกเดือน ไปลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่วางแผนไว้ ถ้าเป็นการลงทุนในหุ้นซึ่งมีความผันผวนของราคาเกือบทุกวัน ก็จะทำให้ซื้อหุ้นได้ในราคาเฉลี่ย เพราะจะซื้อด้วยเงินที่เท่าๆกันทุกเดือน ซึ่งจะเป็นการลดความผันผวนในการซื้อหุ้นที่มีราคขึ้นลงเกือบตลอดเวลา
      การที่เรามีวินัยในการวางแผนการเงินและการลงทุนแบบนี้ จะทำให้เราไม่ต้องกังวลใจที่จะต้องคอยมาวางแผนทุกเดือนหรือก็กังวลน้อยลงมาอีกเยอะ แต่ปล่อยให้การวางแผนดังกล่าว หักเงินที่ได้มาจำนวนที่เท่าๆกันทุกช่วงเวลาที่ได้มีรายได้เข้ามา ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่ไม่มีความรู้ในการลงทุน ไม่มีเวลาในการติดตามข้อมูลข่าวสารในการลงทุน หรือมีประสบการณ์ในการลงทุนไม่มากนัก
       นอกจากนี้แล้ว เราอาจเพิ่มประสิทธิภาพของการวางแผนในลักษณะนี้ขึ้นไปอีก  โดยการเพิ่มเงื่อนไขบางประการเข้าไปในการวางแผน เช่น กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำไว้ ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม เช่นในยามปกติจะต้องหักเงินรายได้เป็นประจำไม่น้อยกว่า 10% หรือ 20%  ของรายได้ที่เข้ามาทุกครั้ง แต่ในยามที่มีเหตุการณ์บางอย่างที่จะต้องใช้เงินเกิดขึ้นจะหักเงินเพียง 5% ของรายได้ที่เข้ามาแทน เป็นต้น
       อีกเรื่องหนึ่งนั่นก็คือ ควรจะกำหนดวันที่จะซื้อหรือวันที่จะลงทุนผลิตภัณฑ์ทางการเงินนั้นให้แน่นอน เช่น ภายใน 7 วันหลังจากที่ได้รับรายได้มาทุกครั้ง สำหรับผู้ที่มีรายได้เป็นเงินเดือนประจำอาจทำได้ง่ายกว่า จะต้องซื้อหรือลงทุนผลิตภัณ์ทางการเงินไม่เกินันที่ 7 ของเดือนถัดไปเป็นต้น
       เรื่องสุดท้ายที่อยากแนะนำก็คือ พยายามหาผลิตภัณฑ์ที่เข้ากับนิสัยของเรา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนที่วางแผนการเงินและลงทุนแบบนี้ ควรจะลงทุนในผลิตภัณ์ที่มีความแน่นอนสูงและต่อเนื่อง เช่น ถ้าจะซื้อคอนโดเพื่อเช่า ก็ควรจะซื้อคอนโดในทำเลที่หาผู้เช่าได้ง่ายและมีผู้เช่าตลอดปี หรือถ้าจะซื้อหุ้นก็ควรเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการและเงินปันผลที่สม่ำเสมอทุกปีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง...

       การวางแผนการเงินแบบที่สองนั่นก็คือ การวางแผนการเงินให้มีเงินใช้แบบอัตโนมัติ  ผมจะขอเล่าตัวอย่างของครอบครัวนึงให้ท่านได้อ่านดูนะครับ
       ครอบครัวแมคอินไทร์เป็นครอบครวหนึ่งประเทศสหรัฐอมเริการที่เกือบจะไม่มีเงินออมในช่วงบั้นปลายชีวิตเลย  สามีของครอบครัวนี้เป็นเพียงผู้จัดการระดับกลางของบริษัทสาธารณูปโภคแห่งหนึ่ง ขณะที่ภรรยายึดอาชีพช่างเสริมสวยเป็นงานประจำ ในอดีตนั้น  ทุกๆเดือนของครอบครัวนี้ เมื่อได้เงินเดือนมาก็ต้องมาจัดสรรจ่ายค่าบิลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟ และอื่นๆ เขาทั้งสองจ่ายค่าบิลต่างๆจนทนไม่ไหว และตัดสินใจว่า นับจากนี้ไปเขาทั้งสองจะจ่ายเงินให้แก่ตนเองก่อน แล้วก็จะให้เงินทำงานแทนพวกเขาบ้าง
       จากนั้นมาเมื่อสามีภรรยาได้เงินมาก็จะนำไปออมก่อนเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นแล้วจึงนำเงินส่วนที่เหลือไปจ่ายค่าใช้ต่างๆต่อไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทุกเดือนที่ผ่านไปสองสามีภรรยาก็จะเก็บเงินออมได้ตามที่วางแผนไว้
       ในปัจจุบันนี้ครอบครัวนี้ไม่มีหนี้สินเลย ครอบครัวนี้เป็นเจ้าของบ้านถึงสองหลัง โดยพวกเขาอยู่เองหลังหนึ่ง และอีกหลังหนึ่งก็ให้คนเช่าซึ่งได้ค่าเช่าปีละ 26,000 ดอลลาร์(ประมาณ 780,000 บาท)  สามีของครอบครัวนี้ยังมีเงินฝากในบัญชีอีก 610,000 ดอลลาร์(ประมาณ 18,300,000 บาท)  ในขณะที่ภรรยาก็มีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 72,000 ดอลลาร์(ประมาณ 2,160,000 บาท)  และยังมีทรัพย์สินอย่างอื่นอีก  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าครอบครัวนี้จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย หลักจากเกษียรอายุของทั้งสองคน

       ดังนั้นเพื่อที่จะทำให้รายได้ทุกเดือนของเรามีประสิทธิภาพสูงสุด  ท่านก็ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างให้กลายเป็นอัตโนมัติ  การหักเงินจากบัญชีธนาคารเงินเดือนที่ท่านได้รับทุกเดือน  จะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนความคิดนี้  ซึ่งโดยปกติเรามักจะทำเรื่องกับธนาคารเพื่อให้หักเงินจากในบัญชีทุกเดือน  เพื่อนำไปจ่ายค่าสาธารณูปโภคต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นค่น้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น  ด้วยวิธีการเดียวกันนี้  ท่านลองทำเรื่องกับทางธาคารเพื่อให้หักเงินจำนวนซัก 10% หรือ 20% หรือมากกว่านั้น เข้าไปในบัญชีเพื่อการลงทุนของท่าน  หรือหักไปเพื่อซื้อกองทุนต่างๆที่จะสามารภนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ เช่น RMF หรือ  LTF ที่มนุษย์เงินเดือนจำนวนมากซื้อกันเป็นประจำอยู่แล้ว

       เพียงเท่านี้ ท่านก็แค่ใช้ชีวิตไปตามปกติ พอถึงวันที่เกษียรอายุ หรือว่าไม่สามารถทำงานได้แล้ว  ท่านก็จะพบว่าเงินที่ถูกหักออกไว้ทุกเดือนนั้น มันได้งอกเงยออกดอกออกผลเป็นเงินให้ท่านได้ใช้จ่ายอย่างสบายใจ  และยังก่อให้เกิดรายได้ที่ไม่ต้องทำงานในวันที่ท่านไม่ได้ทำงานแล้ว  ชีวิตหลังเกษียรก็จะมีความสุข เพราะเราได้มีการวางแผนการเงินเอาไว้ตั้งแต่ยังหนุ่มสาวจนทำให้มีเงินให้ใช้ได้เรื่อยๆจนถึงวันที่จากไปจากโลกนี้  แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าท่านยังไม่มีการวางแผนการเงิน



เรียนรู้การสร้างรายได้เพิ่มเติมได้ที่เว็บนี้ครับ การลงทุน การสร้างรายได้ การใช้ชีวิต

----------------------------------------------------------------------------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น