สารบัญเว็บไซต์

สารบัญเว็บไซต์ !

หุ้น10เด้ง

    ปีเตอร์ ลินช์ ได้คิดหาวิธีการว่าจะทำอย่าไงให้ได้หุ้น 10 เด้งโดยการมองหาหุ้นที่จะเติบโตในระยะยาว การศึกษางบการเงินและการดูตัวเลขที่สำคัญ  และวางหลักการสำหรับการลงทุนในหุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว และหุ้นโตเร็ว  ก่อนอื่นเลยเรามาทำความรู้จักกับปีเตอร์ ลินช์กันก่อนนะครับ

       ปีเตอร์ ลินช์ เป็นผู้บริหารกองทุนรวมที่ใหญ่ที่สุดกองหนึ่งของสหรัฐอเมริการที่มีชื่อว่า ไฟเดลลิตี้ แมกเจลสัน ตั้งแต่ปี 2520 จากนั้นเขาได้สร้างความฮือฮาให้เกิดขึ้นในวงการตลาดหุ้นของอมเริกา  ด้วยการทำให้ผลตอบแทนของกองทุนของเขาออกมาสูงถึง 28 เท่า ภายในเวลา 13 ปี คิดง่ายๆก็คือ ถ้าในปี2520 เขาลงทุนไป 1 ล้านบาท แปลว่าปี 2533 เขาจะได้รับเงินถึง 28 ล้านบาท ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเลยครับ ซึ่งหลักการของเขามีดังนี้คือ
       นักลงทุนทั่วไปสามารถกลายเป็นนักลงทุนผู้เชี่ยวชาญได้ และสามารถเลือกหุ้นที่จะเอาชนะตลาดได้  เช่าเดียวกับนักลงทุนมืออาชีพ  นักลงทุนทั่วไปเหล่านี้  เขาสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างมหาศาล เขาเพียงแค่สังเกตแนวโน้มของธุรกิจเหล่านั้นโดยการไปสัมผัสด้วยตัวของเขาเอง  เริ่มต้นจากสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดคือศูนย์การค้าไปยังสถานที่ทำงาน เราอาจจะพบบริษัทที่มีศักยภาพที่จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงก็เป็นได้ครับ
       ความสำเร็จอย่างสูงในที่นี้หมายถึงหุ้น 10 เด้ง ซึ่งก็คือหุ้นที่มีราคาสูงขึ้นไปถึง 10 เท่าตัว หรือมากกว่านั้น  และทำให้พอร์ตหุ้นของคุณเป็นพอร์ตที่ดีเยี่ยม ปีเตอร์ ลินช์ ได้คิดหาวิธีการว่าจะทำอย่าไงให้ได้หุ้น 10 เด้งโดยการมองหาหุ้นที่จะเติบโตในระยะยาว การศึกษางบการเงินและการดูตัวเลขที่สำคัญ  และวางหลักการสำหรับการลงทุนในหุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว และหุ้นโตเร็ว เขาได้แบ่งหุ้นออกเป็น 6 ประเภทด้วยกันคือ

  1. หุ้นโตช้า ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่และเก่าแก่โดยบริษัทเหล่านี้มักจะมีรายได้และกำไร มีอัตราการเติบโตมากกว่าอัตราของเศรษฐกิจไม่มากนัก ซึ่งปีเตอร์ ลินช์ ไม่ค่อยหุ้นในกลุ่มประเทศนี้
  2. หุ้นแข็งแกร่ง เช่นหุ้นน้ำอัดลม  คอลเกตปาล์มโอลีพ เขามองว่าการซื้อหุ้นเหล่านี้ก็เหมือนกับการไต่ขึ้นภูเขาเตี้ยๆ การที่จะทำกำไรได้สูงๆติดต่อกันเป็นเวลานานเขามองว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก  แต่พอมาเห็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ชอบหุ้นประเภทนี้เขาก๋เปลี่ยนความคิดว่า มาลองดูบ้างก็ได้ เพื่อปกป้องในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี
  3. หุ้นโตเร็ว นี่คือการลงทุนที่เขาชอบ บริษัทขนาดเล็กมาแรงที่เติบโตได้ปีละ 25% นอกจากนั้นหุ้นเหล่านี้ยังมีโอกาสเติบโตได้ 10 เด้ง 20 เด้ง 30 เด้ง มากกว่านั้นเลยทีเดียว  เขาให้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่า บริษัทที่โตเร็ว ไม่จำเป็นว่าต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่โตเร็ว
  4. หุ้นวัฏจักร เป็นหุ้นของบริษัทที่มีรายได้และกำไรขึ้นลงเป็นประจำสม่ำเสมอ และพอจะคาดการณ์ได้ว่าทิศทางต่อไปจะเป็นอย่างไร ชเ่น เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว หุ้นเล็ก หุ้นเคมี และหุ้นอื่นๆ ก็น่าจะดีขึ้น เพราะผู้คนต้องขยายงานมากขึ้น (จังหวะเวลาจึงเป็ที่สำคัญที่สุดของหุ้นกลุ่มนี้) คุณต้องจับทิศทางให้ได้ว่าเศรษฐกิจกำำลังไปทางไหน เพราะถ้าคาดการณ์ผิด ก็มีสิทธิ์เจ๋งเหมือนกันครับ
  5. หุ้นฟื้นคืนชีพ เป็นหุ้นที่มีราคาตกต่ำ บางบริษัทอาจเข้าขั้นที่จะล้มละลายไปเลยก็มี มีตัวอย่างบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทรถยนต์ เกิดการขาดสภาพคล่องตัวจนเกือบจะล้มละลาย  แต่หลังจากที่บริษัทได้ปรับปรุงหลายสิ่งหลายอย่างจนกลับมาทำตลาดได้แล้ว ราคาหุ้นก็พุ่งกระฉูดดด
  6. หุ้นทรัพย์สินมาก  คือบริษัทที่มีทรัพย์ซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองข้ามไป ปีเตอร์ลินช์ ได้แนะนำการดูบริษัทเหล่านี้คือ มีเงินสดเยอะ มีหนี้น้อย และมีอสังหาริมทรัพย์ เป็นจำนวนมาก เป็นต้น แต่หวังว่าคงไม่เจอบริษัทจำพวกที่มีน้อยแต่ทำเหมือนมี แต่ความจริงก็ไม่มี

       คราวนี้เรามาดูกันครับว่าปีเตอร์ ลินช์ชอบหุ้นแบบไหน
1. เป็นชื่อบริษัทที่ฟังดูแล้วน่าเบื่อ ไม่ค่อยมีความสำคัญ อย่างเช่นบริษัทที่ผลิตจุกฝาควดน้ำ เขามองว่าเป็นข้อดี เพระาผุ้คนมักจะไม่สนใจในสิ่งที่ดูแล้วน่าเบื่อ

2. เป็นบริษัที่ผลิตสินค้าที่ดูแล้วน่าเบื่อหน่าย ก็จะสามารกันคนที่ไม่ฉลาดออกไปได้

3. เป็นบริษัทที่ทำอะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบทำเช่น บริษัทขยะ

 4. เป็นหุ้นของบริษัทที่แตกตัวออกมา แสดงว่าผู้บริหารบริษัทนั้นต้องเห็นความสามารถและมีความมั่นใจในบริษัทลูกที่แตกตัวออกมา

5. เป็นหุ้นที่สถาบันลงทุนไม่ชอบที่จะลงทุนด้วย ต้องสังเกตดูว่าบริษัทไหนที่มีการถือหุ้นไว้น้อยๆหรือไม่ได้ถือเลย นั่นแหละครับ 

6. เป็นหุ้นที่รู้สึกว่ามีปัญหาบางอย่างที่กำลังคุกคามอยู่ เช่นปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการปะท้วง สิ่งเหล่านี้เป็นโอกาสดี ที่จะได้หุ้นดีราคาต่ำ

7. เป็นบริษัทที่ประสบปัญหาขั้นร้ายแรง เช่นโรงงานระเบิด กระบวนการผลิตที่ทำให้พนักงานเสียชีวิต

8. เป็นในอุตสาหกรรมที่กำลังแย่ เช่นพวกที่ผลิตสินค้าได้ในราคาต้นทุนที่ต่ำ เป็นต้น จึงจะทำกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

9. เป็นบริษัทที่มีจุดเด่น เช่น บริษัทคอลเกตปาล์มโอลีฟ เป็นต้น

10. ผู้คนต้องซื้อสินค้าของบริษัทนี้เรื่อยๆ เช่นบริษัท อิชิตัน โออิชิกรีนที พวกนี้เป็นต้น

11. เป็นบริษัทที่ชอบใช้เทคโนโลยี เช่นพวก 7-11 ที่ใช้ เครื่องคิดสินค้าเป็นเครื่องคิดเลขไปในตัว มีเทคโนโลยีใหม่ๆ

12. คนในบริษัทกำลังซื้อหุ้นเป็นของตัวเองกลับคืน นั่นแปลว่าบริษัทนี้กำลังไปได้ดี 

13. บริษัทกำลังซื้อหุ้นคืนอยู่ เหมือนกับข้อ 12. นั่นแหละครับ แสดงถึงว่าบริษัทต้องมีอนาคตที่ดีแน่ และหุ้นต้องมีอนาคตที่ดีตามไปด้วยนะครับ

       บทสรุปของบทความหุ้น10เด้งนี้ผมขอสรุปเป็นคำพูดของปีเตอร์ ลินช์เลยนะครับ  ปีเตอร์ ลินช์ บอกว่า "ทุกๆคน ต่างก็มีความเฉลียวฉลาดที่จะลงทุนในตลาดหุ้นได้เพียงแค่จบคณิตศาสตร์จากชั้นป.5 มาได้ คุณก็สามารถทำได้ครับ"
"จงลงทุนในธุรกิจที่คนโง่สามารถบริหารได้  เพราะในวันใดวันหนึ่งธุรกิจที่คุณลงทุนไว้ อาจจะมีคนโง่ๆเข้ามาบริหารก็เป็นได้"
"หัวใจในการทำกำไรในหุ้นคือ ความไม่กลัว"
"การลงทุนเป็นที่สนุกสนาน ตื่นเต้น และอันตราย ถ้าคุณไม่ได้ทำการบ้านมาเป็นอย่างดี"
"เบื้องหลังของหุ้นทุกตัวนั่นก็คือ บริษัทนั่นเอง ค้นหาให้เจอว่าเขากำลังทำอะไรอยู่"  จดจำคำพูดเหล่านี้ของปีเตอร์ ลินช์ไว้นะครับ เพราะคุณอาจจะทำหุ้น10เด้งได้เหมือน ปีเตอร์ ลินช์..







1 ความคิดเห็น: