สารบัญเว็บไซต์

สารบัญเว็บไซต์ !

หุ้นไทย

       สำหรับหน้านี้จะเป็นบทเริ่มต้นของหุ้นไทยนะครับ  เป็นการลงทุนอีกแบบหนึ่งที่มีแนวโน้มที่จะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนประเภทอื่น  ในขณะเดียวกันการลงทุนประเภทนี้ก็มีความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน  ซึ่งหลายต่อหลายคนคงจะเคยเจอกับวิกฤตการณ์ทั้งในประเทศและในระดับโลกมานับไม่ถ้วน  ภายใต้วิกฤตดังกล่าวคงไม่ค่อยจะมีใครอยากจะลงทุนในตลาดหุุ้นซักเท่าไหร่  ในบทความนี้จะชี้ให้เห็นถึงโอกาส ในตลาดหุ้นไทยในยามวิกฤตการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้

       การที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะฟื้นกลับมาในระดับเดิมส่วนใหญ่จะใช้เวลาไม่ถึงปี ก่อนอื่นนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ทางการเมืองที่เข้าขั้นวิกฤตหลายต่อหลายครั้งกัะนก่อนนะครับ เริมจากเหตุการณื พฤษภาทมิฬ ในปีพ.ศ.2535 เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคมของปีนั้น  ก่อนที่จะเกิดเหตุการณืพบว่า  ดัชนีเมื่อวันที่ 7 เมษายน ในปีเดียวกัน 832.39 จุด พอถึงวันที่ 19 พฤษภาคม ที่อยู่ในช่วงพฤษภาทมิฬ ดัชนีก็ตกลงมาเหลือเพียง 667.84 จุด  คิดแล้วลดลงเกือบ 20% พอมาถึงวันที่ 18 กันยายนในปีเดียวกัน  ดัชนี้ก็กลับขึ้นมาในบริเวณเดิมที่ 835.45 จุด เพียงระยะแค่ 5 เดือน ดัชนีก็กลับมาอยู่ในจุดเดิมได้  นอกจากนั้นช่วงสิ้นปีดัชนีก็ยังทยานขึ้นไปอีก โดยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ในปีเดียวกัน ขึ้นไปอยู่ที่ 963.03 จุด
       เหตุการณ์ต่อมาคือ เหตุการณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง เหตุการณืที่โรงแรมรอยัลคลิฟ และเหต่การณืที่กระทรวงมหาดไทย ทั้ง 3 เหต่การณ์นี้เป็นเหตุการที่ต่อเนื่องกัน และกินระยะเวลาที่ยาวนานที่สุด โดยก่อนวิกฤต เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2551 ดัชนีอยู่ที่ 709.35 จุด พอเหตุการณ์ปิดสนามบินเกิดขึ้น ดัชนีมาอยู่ที่ 386.12 จุด ลดลงเกือย 46% พอหลังจากเหตุการณ์ที่สนามบิน ดัชนีก็ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย โดยวันที่ 5 มกราคม 2552 ดัชนีไปปิดอยู่ที่ 478.69 จุด แต่สถานการณ์ทางการเมืองก็ยังไม่ดีขึ้นจนถึง 11 เมษายน 2552 ก็มีเหตุการณ์ที่โรงแรมรอยัลคลิฟ และตามมาด้วยเหตุการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยในวันรุ่งขึ้น  เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มคลี่คลายลงในวันจันทร์ที่ 13 เมษายนของปีนั้น เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ตลาดหุ้นไทยจึงปิดทำการตลอด  และเริ่มมาเปิดเมื่อวันที่ 16 เมษายน โดยตลาดมาปิดที่ 452.97 จุด หลังจากนั้นมาก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆจึงทำให้ดัชนีทยานขึ้นมาโดยตลอด มาถึง 11 กันยายน 2552 ดัชนีก็มาปิดอยู่ที่ 707.81 จุด ซึ่งเป็นระดับที่พอๆกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต โดยกินระยะเวลายาวนานถึง 13 เดือน และดัชนตลาดหุ้นก็ผันผวนขึ้นลงสูงถึง 46% 
        คราวนี้เมื่อเกิดเหตุการณืที่ราชประสงค์ ในช่วงวันที่ 13-19 พฤษภาคม 2553 เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมากและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็ไม่ได้ทำให้ตลาดหุ้นไทยบ้านเราตกลงไปมากนัก ซึ่งอาจมีผลหลักมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศอยู่ในช่วงขาขึ้นหลังจากเกิดเหตุการณ์วิกฤต แฮมเบอร์เกอร์ในปี 2551  โดยตลาดหุ้นไทยก่อนเกิดความรุนแรงเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2553 ดัชนีตลาดปิดที่ 812.63 จุด หลังจากนั้นดัชนีก็เริ่มลดน้อยถอยลงและมาถึงจุดต่ำสุดในช่วงนี้ที่ 721.29 จุดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมของปีนั้น หลังเหตถการณ์ความรุนแรงผ่านไปแล้วเพียงสัปดาห์เดียวหรือลดลงประมาณ 11%  พอมาถึงวันที่ 6 กรกฎาคม ดัชนีก็กลับมาอยู่ในช่วงที่ก่อนเหตุการณ์วิกฤตโดยปิดที่ 815.52 จุด กินเวลาเพียงแค่ 3 เดือนดัชนีตลาดหุ้นไทยก็กลับมาอยู่ที่เดิม 

       หลังจากนั้นดัชนีหุ้นไทยก็ทยานขึ้นอย่างต่อเนื่องและมาปิดที่จุดสูงสุดของปี2553 ที่ 1049.79 จุด เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 เพิ่มขึ้นมาประมาณ 46% จากระดับดัชนีในช่วงวิกฤตของปลายปีนั้น อาจกล่าวได้ว่าเหตุการณ์ที่ราชประสงค์นั้นมีผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยในระดับที่น้อยมาก

       พอจะเห็นกันแล้วใช่มั้ยครับวิกฤตการเมืองในเมืองไทยที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะกินเวลาไม่ถึงปี ดูแล้วก็ไม่เป็นที่น่ากังวลมากนักสำหรับหุ้นไทย  ขอให้วิกฤตการเมืองในครั้งนี้จบลงโดยเร็ว เพื่อให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาแข็งแกร่ง


ถ้าอยากรู้ว่าถือหุ้นนานถึง 5 ปีแล้ว จะได้อะไรตอบแทนเชิญเข้ามาดูที่นี่ได้เลยครับ ถือหุ้นนาน 5 ปีได้อะไรตอบแทน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------



ขอบคุณข้อมูลจากตลาดหุ้นไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น