สารบัญเว็บไซต์

สารบัญเว็บไซต์ !

หุ้นปันผลและหุ้นเติบโต

       มีบทความนึงได้พูดถึงว่า "ทำไมการลงทุนในหุ้นเติบโตจะดีกว่าการลงทุนในหุ้นปันผลสำหรับนักลงทุนรุ่นเยาว์"  เขียนโดย Financial Samurai โดยมีเนื้อหาที่พอจะสรุปใจความได้ดังนี้

       นักลงทุนย่อยส่วนใหญ่มีความคิดว่า การลงทุนในหุ้นปันผลจะเป็นเเหล่งที่มาสำคัญของรายได้ประเภทที่ไม่ต้องทำงานซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนที่สูงอายุมักจะเเสวงหาหุ้นประเภทนี้เพื่อเป็นเเหล่งรายได้ให้ตนเองในยามที่พวกเขาต้องเกษียณอายุการทำงานไปเเล้ว อย่างไรก็ตามเงินปัญผลที่ได้จากหุ้นปันผลนั้นอาจไม่ได้ห้อมหวานเเละน่าลงทุนอย่าที่หลายๆคนคิดกัน มีเหตุผลอยู่ 3 ข้อคือ
       1. หุ้นปันผลให้ผลตอบเเทนที่ต่ำเกินไป 
           หุ้นปันผลมักจะให้เงินในอัตราที่ต่ำมากปกติน่าจะอยู่ในช่วง 2-3 % ดังนั้นนักลงทุนที่อยากได้เงินปัญผลจำนวนมากก็ต้องใช้เงินในการที่จะซื้อลงทุนในหุ้นปันผลเป็นจำนวนมากตามไปด้วยเพื่อให้ได้ผลตอบเเทนจำนวนมากพอที่จะสามารถนำไปเป็นส่วนหนึ่งของเงินที่ต้องใช้จ่ายประจำวันได้ เช่น อาจจะต้องลงทุนประมาณ 10ล้านบาท เพื่อให้ได้เงินปันผลประมาณ 3เเสนบาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวอาจเป็นรายได้ทั้งปีนั่นหมายถึง จะมีรายได้ให้ใช้จ่ายต่อเดิอนประมาณ 25000 บาทเท่านั้น
      2. อย่าหวังว่าจะได้ เงินปันผล จากหุ้นปันผลเสมอไป
         การลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง กิจการของบริษัทที่มีหุ้นเป็นหุ้นปันผลก็เช่นเดียวกันบางปีอาจให้ผลตอบเเทนที่ไม่ดี เเละบางครั้งบริษัทนั้นก็อาจจะประเชิญกับวิกฤตเล้วก็ล้มละลายไปเลยก็เป็นได้ บริษัทอีสต์เเมนโกดักเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นที่หวังพึ่งเงินปันผลของบริษัทนี้ต้องทรมานไปกับความหายนะที่เกิดกับธุรกิจของบริษัท
       ซึ่งเหตุการณ์ของบริษัทนี้ก็คือรายได้ของบริษัท โกดัก สูงที่สุดในปี 2539 ด้วยยอดขายเกือบ 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เเละกำไรสูงสูดในปี 2542 ที่ 2,500 ล้านดอลลาร์ เเต่หลังจากนั้น....ก็เกิดความล้มเหลวครั้งเเล้วครั้งเล่า จนทำให้คาดการณ์กันว่ายอดรายได้ของโกดักในปี 2554 จะเหลืออยู่เพียง 6,200 ล้านดอลลาร์ ไนไตรมาส 3 ปีเดียวกันนี้พบว่า โกดักขาดทนสูงถึง 222 ล้านดอลลาร์เเละขาดทุนตืดต่อกันมาเป็นไตรมาสที่ 9 เเล้ว ปัจจุบันโกดักได้ยื่นเอกสารขอล้มละลายตัวเอง
      3. เงินที่เข้าไปลงทุนในหุ้นปันผล มักจะไม่สามารถถอนออกมาได้ 
         ปกติิเงินที่จะใช้เข้าไปลงทุนในหุ้นปันผลนั้นมักจะเป็นเงินที่ไม่คิดว่าจะต้องถอนออกมาใช้ ในบางเวลาเมื่ออัตราการปันผลไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เมือ่เป็นเช่นนี้เเล้ว บางปีที่เงินปันผลลดน้อยลงกว่าทุกปีที่ผ่านมา ก็จะทำให้มีเงินไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันน้อยลง ทำให้คุณภาพชีวิตพลอยเเย่ไปด้วย

        ดังนั้นเเล้วการลงทุนในหุ้นปันผลเพื่อรอรับเงินปันผลไปเรื่อยๆ นั่นก็ไม่ควรนำเงินไปลงทุนทั้งหมดเพราะอาจจะเสียโอกาสที่จะพบกับหุ้นหลายเด้ง ก็เป็นได้

       ทำไม่บริษัทถึงจ่ายเงินปันผลดี
        เหตุผลหลักของบริษัทที่มักจะจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงก็คือ เหล่าบรรดาผู้บริหารของบริษัทเหล่านั้นไม่สามารถหาโอกาสในการลงทุนของเงินให้ได้ผลตอบเเทนในอัตราที่สูงได้ดังนั้น พวกเขาจึงคิดว่าสมควรที่จะนำเงินกำไรที่จะหาได้มาจ่ายออกมาเป็นเงินปันผลให้เเก่ผู้ถือหุ้นดีกว่า เช่น ถ้าบริษัทจ่ายปันผลออกมาประมาณ 3% ก็เเสดงว่าบริษัทไม่สามารถหาผลตอบเเทนได้ดีกว่า 3%
        ขอยกตัวอย่างอีกหนึ่งบริษัทในสหรัฐอเมริกามีชื่อว่า เทสลา มอเตอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า บริษัทนี้ไม่ได้จ่ายเงินปันผลออกมาเลยถึงเเม้ว่าบริษัทจะมีผลกำไรออกมาอย่างยอดเยี่ยมก็ตาม นับตั้งเเต่วันที่บริษัทเข้ามาจดทะเบียนเเละซื้อขายตลาดหุ้นเมื่อกลางปี 2553 ผ่านไปเพียง 3 ปีราคาหุ้นของบริษัทนี้เพิ่มขึ้นเป็น 5 เท่า จากราคาจองซื้อก่อนเข้าซื้อขายในตลาดหุ้น
        บริษัท เอทีแอนด์ที บริษัทที่เป็นเจ้าของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา บริษัทนี้เป็นเจ้าของหุ้นปันผลชั้นดีบริษัทหนึ่งของอเมริกา เอทีแอนด์ทีมักจะจ่ายเงินปันผลอยู่ในอัตราประมาณ 5% แต่ว่าราคาหุ้นของเอทีแอนด์ทีกลับไม่ได้แสดงผลออกมาดีเท่าที่ควร  ถ้าจะดูราคาหุ้นของเอทีแอนด์ทีแล้วพบว่าหากเปรี่ยบเทียบราคาหุ้นในช่วงเดียวกับ บริษัท เทสลา มอเตอร์สคือปี 2553-2556 พบว่าราคาหุ้นของเอทีแอนด์ทีได้ทะยานขึ้นมาเพียง 3% ขณะที่บริษัท เทสลา ราคาเพิ่มขึ้น 400%

       สรุปก็คิือถ้าหากเราลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท เทสลาในปี 2553 ด้วยเงิน 1 ล้านบาท เมื่อถึงปี 2556 หุ้นที่เราถือจะมีมูลค่าถึง 5 ล้านบาทแต่ถ้าเลือกซื้อหุ้นของบริษัทเอทีแอนด์ทีในปี 2556 เป็นเงิน 1 ล้านบาทเช่นกันในปีเดียวกัน หุ้นเอทีแอนด์ทีที่เราถืออยู่จะมีมูลค่าเพียง 1.03 ล้านบาท(หนึ่งล้านสามหมื่นบาท) เห็นแบบนี้ท่านผู้อ่านที่อยากจะลงทุนกับบริษัทแบบไหนครับ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น